บริการเชื้อเพลิง การบินกรุงเทพขยับเป้ารายได้ปีนี้โตเป็น 8% จากเดิม 4% เนื่องจากปริมาณการให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานโตขึ้น 12% แตะ 11 ล้านลิตรต่อวัน
และรายได้เพิ่มจากค่าเงินบาทอ่อนลง โดยไตรมาส 2 เชื่อว่าจะดีกว่าปีก่อนมากเพราะไร้โรคซาร์ส
เผยเตรียมลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น โดยจะทำการซื้อ
Forward และคงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนวน 800 ล้านบาท ด้านบิ๊ก BAFS ทำนายอนาคตสายการบินต้นทุนต่ำเหลือไม่เกิน
2 รายที่มีสายป่านยาว
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยว่า จากยอดการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง
5 เดือนแรกของปีนี้ถึง 12% หรือคิดเป็น 11 ล้านลิตรต่อวัน ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปีนี้จากเดิมที่คาดว่าโต
4% เป็น 8% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 930.17 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
เนื่องจากรายได้จะอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ กอปรกับในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะมีการปรับขึ้นค่าบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานขึ้นอีก
10%จากเดิมที่เรียกเก็บในอัตรา 2.4 US CENT/แกลลอน เป็น 2.58 US CENT/แกลลอน
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2547 คาดจะดีขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา
เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10.8 ล้านลิตรต่อตัน ขณะที่ไตรมาส 2/2546 ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานลดลงอย่างมาก
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโรคซาร์สทำให้จำนวนเที่ยวบินลดน้อยลง
ม.ร.ว. ศุภดิศ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯเพราะเป็นเพียงผู้ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานเท่านั้น
แต่สายการบินจะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสายการบินต้นทุนต่ำ
(Low Cost Airline) จะได้รับผลกระทบมากกว่าสายการบินขนาดใหญ่ ดังนั้น ในอนาคตเชื่อว่าสายการบินต้นทุนต่ำในประเทศไทยจะเหลือเพียง
2 รายที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินเท่านั้น จากปัจจุบันที่มีการเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนในการสร้างคลังน้ำมัน วางท่อ
และอุปกรณ์เติม น้ำมันอากาศยานรวมทั้งสิ้น 2,264 ล้านบาท และปีถัดไปอีก 1,118 ล้านบาท
ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินที่ได้มีการลงนามสัญญาไปล่วงหน้าแล้ว
ป้องกันความเสี่ยงF/X-ดบ.
นายฉัตรธัย พันธัย ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขยับเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นบริษัทฯจึงเจรจากับธนาคารกสิกรไทยในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ระยาว
800 ล้านบาท เพื่อทยอยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) จากเดิมที่อัตราลอยตัวอิงอัตราเงินฝาก
3 เดือน หวังป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้น คาดว่าจะได้อัตราดอกเบี้ยคงที่จะอยู่ที่
4-5% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปัจจุบันที่ชำระอยู่ 2%กว่า โดยจะคงดอกเบี้ยไว้
5 ปีและดอกเบี้ยลอยตัว 2ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ที่ปรึกษาทางการเงินไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อทำการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า
(Forward) เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้รายได้เป็นในรูปเงินดอลลาร์ แต่รับเงินจริงเป็นเงินบาท
ทำให้ความมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน โดยจะทำ Forward ที่อัตรา
39-40 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าจะสามารถซื้อ Forward ได้ เนื่องจากมีบริษัทจดทะเบียนหลักทรัพย์หลายรายก็ทำอยู่แล้ว
แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการลงรายการในบัญชี บริษัทฯจึงได้หารือกับกรมสรรพากรในเรื่องดังกล่าวด้วย
ม.ร.ว. ศุภดิศ กล่าวว่า หลังจากสนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการ เชื่อว่าบริษัทฯ จะครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานได้ถึง
70% แม้ว่าจะมีคู่แข่งอย่างบริษัท ASIG THAILAND เข้ามาให้บริการเติมน้ำมันในสนามบินสุวรรณภูมิก็ตาม
เนื่องจากบริษัทมีความได้เปรียบจากผู้ถือหุ้นของBAFS ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันทั้งปตท.
เชลล์ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ เอ็กซอนโมบิล และการบินไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่สามารถวางแผนงาน และกำลังคนเพื่อให้บริการในสนามบินดอนเมืองได้
หลังจากรัฐมีนโยบายให้สายการบินต้นทุนต่ำให้บริการผู้โดยสารที่สนามบินดอนเมืองแทนที่จะเป็นสนามบินสุวรรณภูมิ
คงต้องรอผลการหารือระหว่างท่าอากาศยานฯ กับสายการบินต้นทุนต่ำหารือกันก่อน คาดว่าจะได้ข้อสรุปรายละเอียดทั้งหมดในปลายปีนี้