เมเจอร์ฯ ประกาศเดินหน้าธุรกิจใหม่ซื้อภาพยนตร์จำหน่ายเอง มั่นใจไม่กระทบพันธมิตรรายเดิม
แนะเสี่ยเจียงคิดผิดหากเมินเมเจอร์ฯ ชี้ปัญหาตลาดหนังล้นโรง มีกว่า 300 เรื่องต่อปี
แต่ทำเงินเพียง 30 เรื่อง ปรับนโยบายคัดหนังคุณภาพเข้าฉายเท่านั้น แก้เกมผู้สร้างหนังหัวใสใช้โรงเป็นทางผ่านสู่การขายหนังแผ่น
เตรียมทุ่ม 800 ล้านบาท ผุดสาขาใหม่ 5 แห่ง พร้อมเพิ่มโรงแพลทินัม สกรีนจับกลุ่มคนดูหนังเฉพาะกลุ่ม
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมที่จะเปิดตัวธุรกิจใหม่เกี่ยวกับการซื้อภาพยนตร์เพื่อมาจัดจำหน่ายเอง
ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ของกลุ่มเมเจอร์ ถือเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงภาพยนตร์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเมเจอร์ฯโดยตรง
สำหรับรายละเอียดของธุรกิจใหม่จะทำหน้าที่จัดหาซื้อภาพยนตร์ที่มีอยู่มาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ
อาจจะทำในรูปแบบของการจับมือกับพันธมิตร ซึ่งปัจจุบันนี้ภาพยนตร์ในกลุ่มค่ายหนังชั้นนำในต่างประเทศหรือกลุ่มเมเจอร์
สตูดิโอที่มีภาพยนตร์เป็นจำนวนมากที่พร้อมฉายแต่ไม่สามารถเข้าฉายในเมืองไทย เนื่องจากผู้ประกอบการภาพยนตร์ในไทยมีค่อนข้างมาก
การที่กลุ่มเมเจอร์ฯ ในฐานะผู้บริหารโรงภาพยนตร์ให้กับตัวแทนจำหน่ายหนังจะหันมารุกทำธุรกิจใหม่ที่ถือว่าชนกับพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่นั้น
ทางเมเจอร์ฯ มองว่าจะไม่มีผลกระทบต่อพันธมิตรที่ทำตลาดอยู่ และจะไม่เกิดกรณีความไม่เป็นกลางในการจัดสรรจำนวนโรงให้กับภาพยนตร์แต่ละเรื่องรวม
ถึงภาพยนตร์ที่กลุ่มเมเจอร์ฯ เป็นผู้ซื้อมาด้วย แต่ความต้องการของผู้บริโภคจะเป็นตัวกำหนดความมากน้อยของจำนวนโรงที่แต่ละภาพยนตร์ควรจะได้รับเอง
ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ หรือเสี่ยเจียงจากสหมงคลฟิล์มประกาศที่จะไม่นำภาพยนตร์ในเครือที่มีอยู่ในครอบครองเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ฯ
ทั้งหมดจากเหตุผลที่กลุ่มเมเจอร์ฯ จะลงทุนทำธุรกิจใหม่ดังที่กล่าวมา คาดว่าน่าจะเกิดจากการสื่อสารที่เข้าใจผิดกันมากกว่าเป็นเรื่องที่จริงจัง
เพราะภาพยนตร์กับโรงภาพยนตร์เป็นสิ่งที่อยู่และเติบโตควบคู่กัน ถ้าสหมงคลฟิล์มไม่นำหนังเข้าฉายที่เมเจอร์ฯ
ก็ถือว่าเสียโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับภาพยนตร์เรื่องนั้น
เนื่องจากจำนวนภาพยนตร์ที่พร้อมจะเข้าฉายมีมากกว่าจำนวนโรงทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาด
และหากสหมงคลฟิล์มจะไม่นำหนังเข้าฉายในเครือเมเจอร์ ก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเมเจอร์ฯ
70% เป็นหนังจากกลุ่มเมเจอร์ สตูดิโอ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางกลุ่มเมเจอร์ฯ ยังไม่ได้ติดต่อเจรจาทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทางสหมงคลฟิล์ม
ทั้งนี้ ปัญหาความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่เมเจอร์ฯ เคยประกาศที่จะควบคุมและคัดเลือกภาพยนตร์ที่มีคุณภาพเข้าฉายในโรงเท่านั้นตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
พร้อมกับมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนมากขึ้นว่าหนังที่จะเข้าฉายควรจะต้องมีงบในการลงทุนสร้าง
ทำการตลาดโฆษณา ประชาสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหนจึงเข้าข่ายสามารถฉายได้ รวมถึงการเป็นหน้าหนังที่น่าสนใจ
ปัจจุบันจำนวนภาพยนตร์ที่จะขอเข้าฉายในโรงภาพยนตร์มีจำนวนมากกว่า 300 เรื่องต่อปี
ซึ่งถือว่ามากเกินไป ขณะที่หนังที่ทำเงินได้กลับมีเพียงไม่ถึง 30 เรื่อง เพราะส่วนใหญ่ไม่มีคุณภาพ
ทำให้ผู้บริโภคผิดหวังกับการมาดูภาพยนตร์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพรวมของธุรกิจโรงภาพยนตร์
ผู้สร้างหนังและตัวแทนจำหน่ายควรจะเน้นภาพยนตร์ที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ
รวมถึงการมีผู้สร้างหนังบางรายใช้โรงภาพยนตร์เป็นทางผ่านเพื่อประชาสัมพันธ์เพราะต้องขายเป็นหนังแผ่น
เพราะต้องมีส่วนแบ่งในตลาดหนังแผ่นที่มีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่มูลค่าตลาดหนังโรงมีเพียง
3,500 -4,000 ล้านบาท
ทุ่ม 800 ล้านผุดสาขาใหม่
นายวิชากล่าวถึงแผนการขยายสาขาของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในปี 2547 ว่า บริษัทจะใช้งบลงทุนขยายสาขาใหม่ 800 ล้านบาท โดยจะมีสาขาที่พร้อมเปิดในปีนี้ 3 สาขา ประกอบด้วย
สาขาฉะเชิงเทรา ปลายเดือนนี้, ทองหล่อ เดือนส.ค., และแจ้งวัฒนะ เดือนธ.ค. ส่วนสาขาที่พร้อมจะเปิดในปีหน้า
อาทิ อ้อมใหญ่ ช่วงต้นปี บริวพาวิลเลี่ยนและสยามพารากอน ช่วงปลายปี ซึ่งสาขาที่บริวพาวิลเลี่ยนจะเป็นสาขา
ที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับสยามพารากอน
นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายโรงภาพยนตร์แบบแพลทตินั่ม สกรีน (Platinum Screen) ที่ใช้ฉายภาพยนตร์คุณภาพคล้ายกับโรงภาพยนตร์ลิโด้
กับ สกาลา เพิ่มอีก 5 สาขาอย่างน้อยสาขาละ 1 โรง ได้แก่ พระราม 3, เอกมัย, เซ็นทรัล
เวิลด์ พลาซา, เซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซา เชียงใหม่ และปรับปรุงสาขารัชโยธินที่โรงแพลทตินั่ม
สกรีน 2 โรง โดยจะต้องใช้เม็ดเงินลงทุนที่มากกว่าโรงปกติที่ใช้ 12 ล้านบาทหรือประมาณ
20%
ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 มีมูลค่า 604 ล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็นโรงภาพยนตร์
66% โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ 12% ธุรกิจบริการเช่าพื้นที่ 12% ธุรกิจโฆษณาในโรงภาพยนตร์
7% และอื่นๆ 3% และมีสาขาทั้งหมด 15 สาขา