โนเบิลจัดโปรโมชันกระตุ้นยอดขาย แจกเงินรางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท งัดบ้าน 10 โครงการมูลค่ากว่า
4,000 ล้านบาท ตั้งเป้าลูกค้าแห่ซื้อโครงการ 2,000 ล้านบาท พร้อมขยายเวลาเปิดให้ชมโครงการถึง
22.00 น. ตลอดเดือนมิถุนายน
นายธงชัย บุศราพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
(มหาชน) กล่าวภายหลังเปิดตัวโปรโมชัน "โนเบิลเดอะมิลเลียน" ว่า วงเงินรางวัลที่บริษัทให้กับลูกค้า
ตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท หรือลดประมาณ 4-11% ราคาขาย ซึ่งคิดเป็นวงเงินประมาณ
255 ล้านบาท โดยลูกค้าจะได้รับวงเงินไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับทำเลของบ้านแต่ละหลัง
โดยส่วนใหญ่ประมาณ 50% ของบ้านที่นำมาลดจะให้วงเงินรางวัล 5% ของราคาขาย โดยวงเงินรางวัล 1 ล้านบาท จะมีประมารณ 10 กว่าหลังเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะนำส่วนลดที่ให้กับลูกค้าเข้าไปยังบัตรเครดิตของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมจัดโปรโมชันครั้งนี้
โดยลูกค้าจะมีวงเงินในการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบในการประชาสัมพันธ์โปรโมชันนี้ประมาณ 30 ล้านบาท จากงบการประชาสัมพันธ์
ทั้งปีจำนวน 130 ล้านบาท โดยจะนำเสนอผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ความยาว 45 วินาที
เพื่อโปรโมตแคมเปญนี้โดยเฉพาะ ซึ่งภายหลังจากการจัดโปรโมชันนี้เสร็จสิ้นลง จะเว้นระยะเวลาประมาณ
1-2 เดือน แล้วจะออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ เพื่อตอกย้ำแบรนด์ของโนเบิลให้ผู้บริโภคได้รับรู้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น บริษัทได้ขยายเวลาให้การบริการในแต่ละโชว์รูมเพิ่มขึ้นในวันศุกร์
เสาร์และอาทิตย์ ตลอดเดือนมิถุนายนนี้ โดยเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น. จากเดิมที่เปิดถึง
18.00 น. นั้น ซึ่งจากการสอบถามจากโครงการยังพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาดูโครงการหลังเลิกงานแล้ว
ส่วนโครงการที่นำมาร่วมในโปรโมชันในครั้งนี้ มี 10 โครงการ จำนวน 581 ยูนิต มูลค่ารวม
4,000 ล้านบาท ซึ่งได้แก่ โครงการโนเบิล ทารา พัฒนาการ, โนเบิล ทารา งามวงศ์วาน
เฟส 1, โนเบิล ทารา งามวงศ์วาน เฟส 2, โนเบิล จีโอ วัชรพล, โนเบิล วานา วัชรพล,
โนเบิล วานา ปิ่นเกล้า, โนเบิล อนาวานา ปิ่นเกล้า, โนเบิล ออรา คอนโดมิเนียม สุขุมวิท,
โนเบิล ไลท์ คอนโดมิเนียม ราชครู และโนเบิล 09 คอนโดมิเนียม
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขาย จากการจัดโปรโมชันนี้ไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท
จากเป้ายอดขายทั้งปีที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา 5 เดือนสามารถขายบ้านไปแล้ว
1,000 ล้านบาท โดยในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียว ยอดขายมากกว่าไตรมาส 1 ทั้งไตรมาส
"การที่บริษัทต้องจัดโปรโมชันแรงๆ ออกมา เนื่องจากปัจจุบันมีสินค้าในตลาดจำนวนมาก
คู่แข่งมีเยอะขึ้น ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่ราย ซึ่งการออกโปรโมชันแบบ นี้จะช่วงดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น
ส่วนการจัดโปรโมชันเพียงเดือนครึ่งนั้นจะเป็นการเร่งการตัดสินใจซื้อให้เร็วขึ้น
หากจัดโปรโมชันระยะเวลานานเกินไปลูกค้าก็จะไม่สนใจหรือตัดสินใจช้า" นายธงชัย กล่าว
นายรังสิน สืบแสง รองประธานกรรมการ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี
เปิดเผยว่า การร่วมมือดังกล่าว ถือว่าเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตที่ร่วมทำการตลาดกับอสังหาริมทรัพย์
การทำการตลาดในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นการทำตลาดเชิงรุกแนวใหม่ของเคทีซีในการเพิ่มฐานบัตรเครดิต
เป็นการสร้างสีสันให้กับวงการ รวมทั้งกระตุ้นให้ผู้ถือบัตรเครดิตมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่ม
โดยเป้าหมายหลักของเคทีซี คือต้องการเป็นผู้นำของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค
นายธงชัย กล่าวถึงโครงการโนเบิล ไลท์ คอนโดมิเนียม ราชครู จำนวน 207 ยูนิต ที่ได้เปิดตัวไปในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า
ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 50-60% ส่วนโครงการโนเบิล 09 คอนโดมิเนียม ที่ยังไม่เปิดตัว
อย่างเป็นทางการปรากฏว่ามีลูกค้าจองเข้ามาแล้ว 3 ราย
"ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นที่ระดับ 37.9% ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะทำได้ประมาณ
35% โดยสาเหตุที่สามารถทำให้อยู่ในระดับนี้ได้ เพราะเราควบคุมต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่าย
ควบคุม ต้นทุนที่ดิน และการก่อสร้าง ถึงแม้ว่าราคาวัสดุจะมีการปรับตัวขึ้น แต่เราได้เจรจากับผู้รับเหมาไว้หมด
แล้ว โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งตอนนี้เหลืออีก 1 เดือนจะออกมาดีกว่าไตรมาสแรก
เนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้ ได้รับผลกระทบจากไตรมาสสี่ของปีที่แล้ว ที่มียอดขายสูงเพราะมีมาตรการเรื่องภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไปจะดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะไตรมาสสามถึงไตรมาสสี่ผลประกอบการจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น มีการรับรู้จากการขายได้มากขึ้น การสร้างยอดขายที่สูง ส่วนสำคัญบริษัทต้องรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้ได้ 0.5 เท่า
คือมีเงินกู้น้อย แต่มีของขายในมือเป็นจำนวนมาก" นายธงชัยกล่าว
ในส่วนของราคาที่ดินนั้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้มีต้นทุนนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ได้ซื้อที่ดินใหม่
เข้ามา เพราะมองว่าราคาที่ดินในปัจจุบันไม่น่าสนใจ มีราคาสูงเกินไป ซึ่งเชื่อว่าราคาที่ดินน่าจะขยับลงมาอยู่ในภาวะสมดุลได้ประมาณปลายปี เนื่องจากตลาดในช่วงนี้ชะลอตัว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เริ่มระมัดระวังมากขึ้น
ส่งผลถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่จะเข้ามาสู่ตลาด เริ่มล่าถอยออกไป เพราะเกรงสถานการณ์
นายกิตติ กล่าวถึงการปรับตัว ลดลงของราคาหุ้นบริษัท ราคาลงมาเหลือประมาณกว่า
8 บาท ว่า เป็นผลมาจากภาวะตลาดหุ้นโดยรวมไม่เอื้ออำนวย ซึ่งปัจจัยต่างๆ ล้วนเป็นปัจจัยที่นอกเหนือที่บริษัทจะควบคุมได้
เช่น สถานการณ์เรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์การก่อการร้ายในต่างประเทศ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ทำให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี
จึงตัดสินใจขายหุ้นที่ถือออกมาก่อน ในขณะที่พื้นฐานการดำเนินงานของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่