เอสซี. จับมือแบงก์พาณิชย์พัฒนาที่ดิน NPA เตรียมผุดคอมเพล็กซ์ 2 แห่งใหม่ย่านถนนวิภาวดีรังสิตบนพื้นที่
20 ไร่ และบนเนื้อที่กว่า 60 ไร่ใจกลางเมือง คาดโครงการแรกได้ข้อสรุปใน 3 เดือนนี้
ส่วนสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 30-50% โดยต้องขึ้นกับจำนวนผู้ร่วมทุน พร้อมเตรียมดึงพันธมิตรร่วมทุนให้บริการในทุกโครงการ ทั้งธุรกิจสุขภาพ การค้าปลีก และธุรกิจบริการ ชี้อนาคตตลาดบ้านสร้างก่อนขาย
และตลาดบ้านพร้อมอยู่หดตัวลง จับตาสงครามดัมป์ราคาบ้านล้างสต๊อกระยะสั้น
นายสุรเธียร จักรธรานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างคอมเพล็กซ์ที่มีลักษณะเป็นศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่าจำนวน
2 โครงการ โดยในโครงการแรก เป็นการร่วมทุนพัฒนาทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) กับสถาบันการเงิน
จำนวน 20 ไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณ เรียบถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจากับสถาบันการเงิน
และพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนอยู่ คาดไม่เกิน 2-3 เดือนได้ข้อสรุป
ส่วนในโครงการที่ 2 จะร่วมพัฒนาบนเอ็นพีเอของสถาบันการเงิน บนเนื้อที่ 60 ไร่
เป็นลักษณะโครงการศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานให้เช่าเช่นเดียวกับโครงการแรก โดยสถานที่ตั้งโครงการจะอยู่ในแถบใจกลางเมือง
ซึ่งโครงการที่ 2 นั้นขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา ทั้งในเรื่องของรูปแบบการร่วมทุน
และการหาพันธมิตรมาร่วมทุนด้วย ทั้งนี้สัดส่วนการร่วมทุนหากเป็นในส่วนของบริษัทฯร่วมกับสถาบันการเงิน
บริษัทจะลงทุนในสัดส่วน 50% แต่ถ้าหากมีพันธมิตรรายอื่นเข้ามาร่วมทุนเพิ่มอีก สัดส่วนในการลงทุนจะอยู่ที่
30%
นายสุรเธียร กล่าวว่า นอกจากนี้ เอสซี ฯ ยังแผนที่จะเปิดโครงการ Centric Place
อารีย์ 4 เป็นอาคารคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมือง มีพื้นที่กว่า 1 ไร่ สูง 8 ชั้น
จำนวน 77 หน่วย ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2-5 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการประมาณ 275 ล้านบาท
โครงการบางกอกบูเลอวาร์ด ปิ่นเกล้า บนพื้นที่ 65 ไร่ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวในรูปแบบ
ihome concept ระดับราคาขายตั้งแต่ 10-20 ล้านบาทขึ้นไป มีมูลค่าโครงการประมาณ
1,400-1,600 ล้านบาท โครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว โครงการ บางกอกบูเลอวาร์ด
พระราม 5 ย่านถนน พระราม 5 มูลค่าโครงการประมาณ 1,400-1,600 ล้านบาท โครงการ โฮมออฟฟิศ
และทาวน์เฮาส์ ในย่านวัชรพลมีมูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท
นายสุรเธียร กล่าวว่า ในอนาคตบริษัท จะปรับลดสัดส่วนรายได้ระยะสั้นบางส่วน เป็นรายได้ระยะยาว
หรืออาจจะขายพื้นที่เช่า ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่ได้ ทั้งนี้สำหรับการสร้างรายได้ระยะยาวยังมุ่งเป้าไปที่
ธุรกิจสุขภาพ (Health), การค้าปลีก (retail), และธุรกิจบริการ home service โดยบริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรทางการค้าเข้ามา
เปิดบริการในโครงการแล้ว ซึ่งต่อไปหากมีการเปิดโครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด พันธมิตรของบริษัท
ก็จะเข้ามาให้บริการในโครงการด้วย แต่บริษัทยังไม่ได้กำหนดความชัดเจนว่า จะเริ่มต้นรูปแบบดังกล่าวที่โครงการใด
นายสุรเธียร กล่าวถึงตลาดบ้านในไตรมาส ที่ 3-4 ว่า การดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากนี้ไป
จะต้องให้ความระมัดระวังในเรื่อง Inventory ของโครงการ ทั้งนี้เชื่อว่านับจากนี้ไป
จำนวน บ้านสร้างก่อนขายน่าจะมีจำนวนลดลง และตลาดบ้านพร้อมอยู่จะหดตัวลง เพราะผู้ประกอบการเริ่มตระหนักแล้วว่า
การที่มีจำนวนสต๊อกสินค้าอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก จะทำให้ขาดสภาพคล่องในการบริหารงาน
และต้องเสี่ยงกับการแบกรับต้นทุนที่เกิดจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มใช้กลยุทธ์ราคามาช่วยการขาย