แบงก์อิสลามรับควบชาริอะฮ์เร่งเจรจากรุงไทยสำเร็จในปีนี้


ผู้จัดการรายวัน(27 พฤษภาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์อิสลามเตรียมรับโอนเม็ดเงินจาก กบข.ของข้าราชการอิสลามทั่วประเทศ เหตุผลตอบแทนดึงดูดกว่า ล่าสุด Q1 ปีนี้จ่ายปันผล 1.7-1.8% เชื่อขณะนี้ทะลุ 2% ล่าสุดเจรจาควบรวมแบงก์ชาริอะฮ์จากกรุงไทย คาดเป็นรูปร่างภายใน 5 เดือน พร้อมจับมือเซเว่น ปั๊มน้ำมัน เปิดจุดบริการรับฝาก-ชำระเงิน เสริมฐานลูกค้า ศุกร์นี้เซ็นสัญญากับกองทุน MFC ระดมทุนสร้างบ้านเอื้ออาทรบนที่ดินวากัฟ

นายอารีย์ วงศ์อารยะ ประธานกรรมการธนาคารอิสลาม เปิดเผยว่า ทางธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมรับโอนเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ในส่วนของข้าราชการมุสลิมทั่วประเทศ ซึ่งเดิมลงทุนอยู่ในธนาคารกรุงไทยมาลงทุนในธนาคารอิสลามแทน เนื่องจากข้าราชการอิสลามเห็นว่า หาก กบข. นำเงินมาลงทุนในธนาคารอิสลามน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เนื่องจากมีหลายปัจจัยเอื้อ อาทิ โครงสร้างการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ขนาดของสำนักงานเล็กซึ่งช่วยประหยัดต้นทุน และบริหารเงินโดยการลงทุน เป็นต้น

โดยวิธีการจะเป็นการโอนมาทั้งก้อน แต่การลงทุนยังต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของ กบข.เป็น หลัก ซึ่งจะไม่กระทบกับการดำเนินงานของธนาคารชาริอะฮ์ของธนาคารกรุงไทย เพราะอนาคตจะนำมารวมไว้กับธนาคารอิสลาม ซึ่งคาดว่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างภายใน 5 เดือนนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังติดระเบียบเรื่องการโอน ซึ่งที่ผ่านมาทางธนาคารได้เสนอให้มีการโอนในลักษณะเดียวกับรถมือสอง คือ ยังไม่โอนจริง แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากธนาคารอิสลามมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดมาก

นอกจากนี้ ทางธนาคารได้มีแผนที่จะเปิดจุดบริการในร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่นอีเลฟเว่น และปั้มน้ำมัน ซึ่งอยู่ในระหว่างการทำข้อตกลงกันอยู่ คาดว่าในส่วนของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นจะเปิดจุดบริการได้ภายใน 1-2 เดือน ส่วนปั๊มน้ำมันเตรียมเจรจาอยู่ และยังมีแผนที่จะเปิดจุดบริการในห้างสรรพสินค้าด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่จะเพิ่มสาขาอีก 50 สาขา ภายใน 5 ปี โดยในปี 2547 จะเปิดสาขา 10 สาขา คือ สาขาภูเก็ต สาทร มีนบุรี พังงา พระนครศรีอยุธยา สุไหงโก-ลก กระบี่ บางบัวทอง พัทยา ชลบุรี และเชียงใหม่

นายอารีย์ ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2546 ว่า ธนาคารสามารถแบ่งปันผลตอบแทนให้ผู้ฝากประเภทร่วมทุนสูงสุดถึง 2.7% และการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2546 ธนาคารเริ่มจ่ายปันผลครั้งแรก 0.5% ไตรมาสสุดท้ายปี 46 จ่ายปันผล 1.6% และไตรมาสแรกปีนี้จ่ายปันผลแล้ว 1.6-1.7% ขณะที่คาดว่าขณะนี้ผลตอบแทนน่าจะเพิ่มสูงกว่า 2% แล้ว นอกจากนี้ยังล้างขาดทุนสะสมลดลงเรื่อยๆ จากปีก่อนที่ขาดทุนสูงถึง 50 ล้านบาท จากการนำเงินไปลงทุนในการก่อสร้างในปีแรก รวมทั้งการใช้จ่ายในด้านการพัฒนาบุคคล และเทคโนโลยีด้วย คาดว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ในปี 2547 นี้

นายอนันต์ ตังทัตสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2546 จะมีการเซ็นสัญญาร่วมกับกองทุนเอ็มเอฟซี เปิดตัวโครงการบ้านเอื้ออาทรเขตมีนบุรี ระดมทุนจำนวน 200-300 ล้านบาท เพื่อสร้างบ้านเอื้ออาทรบนพื้นที่ วากัฟ หรือ ที่ดินบริจาคเพื่อการกุศล พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการดังกล่าวทั่วไปอย่างเป็นทางการด้วย

นายอารีย์ กล่าวว่า การควบรวมของทั้ง 2 ธนาคารนั้น ทางธนาคารอิสลามได้ตั้งตัวแทนขึ้นมาดูแลในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ในระหว่างการทำสำรวจสินทรัพย์และหนี้สิน(ดิว ดิลิเจนต์)ของธนาคารทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในปีนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ในการควบรวมกิจการดังกล่าวจะใช้สูตร A+B = A โดยจะใช้ธนาคารอิสลามเป็นแกน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในความเป็นจริง ธนาคารชาริอะฮ์ นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินหนึ่งของธนาคารกรุงไทย ในรูปแบบหนึ่งธนาคารสองระบบ ซึ่งเหมือนกับประเทศมาเลเซีย ในขณะที่ธนาคารอิสลามฯนั้นเป็นธนาคารเฉพาะกิจ การที่จะให้ทำการควบรวมนั้นต้องทำการเพิ่มทุนในธนาคารอิสลามฯก่อน เพราะปัจจุบัน ธนาคารชาริอะฮ์ มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท มีเงินฝากกว่า 4,000 ล้านบาท มีสินทรัพย์กว่า 5,000 ล้านบาท มีสาขา 20 สาขา เฉลี่ย 1 สาขาใช้พนักงานประมาณ 7 คน โดยรวมมีพนักงานประมาณ 300 คน โดยในเดือนก.ค.2547 นี้ธนาคารชาริอะฮ์ จะมีอายุครบ 2 ปีแล้ว

สำหรับผลการดำเนินงานนั้นจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปี 2548 จากเดิมที่คาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมได้ภายในปี 2547 เหตุผลที่ต้องล่าช้าออกไปเนื่องจากสถานการณ์ภาคใต้ไม่ปกติ และกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคารชาริอะฮ์ ก็อยู่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.