TMBรื้อพอร์ตสินเชื่อรุกรายย่อย-ชู"ซีอีโอ"


ผู้จัดการรายวัน(21 พฤษภาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ธนาคารทหารไทยปรับพอร์ตสินเชื่อใหม่หลังควบรวม นำจุดแข็งเพิ่มน้ำหนักสินเชื่ออุปโภคบริโภคและเอสเอ็มอี เผยภายในปี 2548 สัดส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภค-เอสเอ็มอี-รายใหญ่อยู่ที่ 20:50:30 "สุภัค" เผยจะนำเทคโนโลยีดีบีเอสมาขับเคลื่อนโดยใช้เอสเอ็มอีของบรรษัทฯมาต่อยอดธุรกิจ เตรียมปรับโครงสร้างผู้บริหารใช้ระบบซีอีโอคัดเลือกประธานสายงาน 15 คน ประเมินผลงานทุก 2 ปีเพื่อความโปร่งใส

นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในอนาคตว่า ธนาคารตั้งเป้า เป็นผู้นำด้านสินเชื่อ โดยจะให้น้ำหนักเอสเอ็มอีและสินเชื่ออุปโภคบริโภคเป็นแผนการดำเนินงาน ในระยะ 2 ปีข้างหน้า เป้าหมายดังกล่าวเกิดจากการนำจุดแข็งของและบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (IFCT) ดีบีเอสไทยทนุ (DTDB) และทหารไทยเข้าด้วยกัน

"ภายในปี 2548 ธนาคารจะปรับสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีอยู่ที่ 50% สินเชื่ออุปโภคบริโภค 20% และสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ 30% เป็นการปรับพอร์ตตามจุดแข็งและมองทิศทางสินเชื่อในอนาคต"

ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อ 520,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเอสเอ็มอี 53% สินเชื่ออุปโภคบริโภค 12% และสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ 35%

นายสุภัคกล่าวว่า ดีบีเอสไทยทนุความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการบริหารความเสี่ยง มีระบบข้อมูลรายย่อยและสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่มีศักยภาพ ส่วนใช้ลูกค้าเอสเอ็มอีที่แข็งแกร่งของบรรษัทฯเข้ามาช่วยขับเคลื่อน เพราะเอสเอ็มอีของบรรษัทฯสามารถพัฒนาและต่อยอดได้อีก

"ลูกค้า 1 รายจะต้องใช้บริการของธนาคาร มากกว่า 2 ผลิตภัณฑ์ ส่วนฐานลูกค้าขณะนี้มีประมาณ 4 ล้านบัญชี" กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยกล่าว

ธนาคารทหารไทย มีสินทรัพย์ 670,000 ล้านบาท อยู่อันดับที่ 5 ในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย แต่สินเชื่อสูงเป็นอันดับ 3 รองจากธนาคารกรุงเทพ และกรุงไทย

ด้านทรัพย์สินอาคารขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่า สำนักงานใหญ่ของดีบีเอสไทยทนุจะเป็นสาขาหลัก ส่วนอาคารที่ถนนแจ้งวัฒนะ จะเป็นศูนย์กลางข้อมูลและเทคโนโลยีรวมของธนาคารใหม่

นายสุภัคกล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารกำลังปรับโครงการการบริหารจัดการ โดยจะเปลี่ยนเป็นระบบซีอีโอหรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีประธานสายงาน 15 สายงาน (เดิมเรียกว่ารองกรรมการผู้จัดการใหญ่) โดยประธานสายงานแบ่ง เป็นสายงานหลักในการหารายได้จำนวน 7 คน และที่เหลืออาจเป็นผู้ช่วยสายงาน

"ตำแหน่งประธานสายงานเราใช้วิธีรับสมัครจากทั้ง 3 แบงก์ มาสอบสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์มีผม มีคุณไกรทิพย์ ไกรฤกษ์ จากบรรษัทฯและไมเคิล เฮก จากดีบีเอสไทยทนุ ตอนนี้มีผู้สมัครรวม 60 คน เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ จะต้องส่งให้บริษัท Hewitt ซึ่งเป็นที่ปรึกษาจากประเทศอังกฤษเป็นผู้สัมภาษณ์อีกครั้ง เพื่อมาตรฐานและความโปร่งใส"

ทั้งนี้ ตำแหน่งประธานสายงานจะมีการประเมินผลงานทุก 2 ปี หากไม่ได้ตามมาตรฐาน ก็จะทำการสรรหาบุคคลใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง แทน ส่วนโครงสร้างหลักของประธานสายงานทั้ง 7 ได้แก่ สายงานสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค, สายงานลูกค้าธุรกิจ, สายงานเอสเอ็มอี, สายงานบริหารเงิน, สายงานการลงทุนและสายงานการบริหารความเสี่ยง ที่เหลือจะเป็นสายงานสนับสนุน เช่น สายงานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น

"เรายังมีทีมย่อยอีก 21 ทีม ที่จะมีผู้บริหาร ของแต่ละสายงานเข้าร่วมประชุม เพื่อกำหนดแผนและคัดสรรบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ในการจัดตำแหน่งให้เหมาะสมกับสายงานนั้นๆ ซึ่งจะช่วยให้งานของแต่ละฝ่ายมีการเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่หยุดรอการควบรวม ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อองค์กร"

นายปราการ ทวิสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวถึงแผนการ ลงทุนในบริษัทในเครือว่า ธนาคารจะใช้ประโยชน์ จากลูกค้าพันธมิตรจากบริษัท ไทยประกันชีวิต, บริษัท จรัญประกันภัย,บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทยและอื่นๆ โดยนำมาขยายฐานสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภค เพราะธนาคารรุกอย่าง จริงจัง

"เรายังติดตั้งจอ Electronics Board ขนาดยักษ์ ที่อาคารสำนักงานใหญ่ดีบีเอสไทยทนุ ถนนสีลม เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ รวมทั้งรายงานการซื้อขายหุ้นแบบเรียลไทม์ได้ด้วย" นายปราการกล่าว

ส่วนแผนการบริหารสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) นายปราการกล่าวว่า รวม 3 ธนาคาร มีมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธนาคารทหารไทย 18,000 ล้านบาท บรรษัทฯ 10,000 ล้านบาท และดีบีเอสไทยทนุ 4,000 ล้านบาท โดยธนาคารจะใช้วิธีบริหารแล้วขายควบคู่กับขายออกไปอย่างเด็ดขาดเพื่อการเป็น Clean Bank เร็วที่สุด

"หลังจากควบรวมเสร็จคงต้องขายเอ็นพีเอ ยกล็อต แต่จะขายให้กับใครต้องดูรายละเอียด เรื่องราคา"

ที่ผ่านมาธนาคารทหารไทยขายหนี้ที่อยู่กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) พญาไทให้กับ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) จำนวน 60,000 ล้านบาท ในราคาประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท โดยบสก.จ่ายตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 แห่ง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.