ราชบุรีเพาเวอร์เตรียมยื่นEIAลั่นสร้างโรงไฟฟ้าเสร็จทันป•51


ผู้จัดการรายวัน(18 พฤษภาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

"ราชบุรีเพาเวอร์" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยRATCH เตรียมยื่นผลศึกษา EIA ให้สผ.ภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า มั่นใจก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 1,400 เมกะวัตต์เสร็จทันตามกำหนดในปี 51

นายบุญชู ดิเรกสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)(RATCH) เปิดเผยว่า โครงการร่วมทุนผลิตไฟฟ้าขนาด 1,400 เมกะวัตต์ในนามบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) อยู่ คาดว่าจะเสนอต่อสผ.ได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า รวมทั้งมีการเร่งจัดหาเงินกู้และประชาสัมพันธ์ให้กับคนในพื้นที่ด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงไฟฟ้าดังกล่าว จะส่งไฟฟ้ายูนิตแรกจำนวน 700 เมกะวัตต์ให้กับกฟผ. ได้ทันตามกำหนดในเดือนมีนาคม 2551 และยูนิตถัดไปอีก 700 เมกะวัตต์ในเดือนมิถุนายน 2551

โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 900 ล้าน เหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นการกู้ยืมสถาบันการเงิน 680 ล้าน เหรียญสหรัฐ และเงินทุน 220 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่ง RATCH ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าดังกล่าว 25% ทำให้ต้องใส่เงิน ทุนประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท โดยจะทยอยใช้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งแหล่ง เงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและการกู้ยืม

โครงสร้างการถือหุ้นในราชบุรีเพาเวอร์ ประกอบด้วย ราชบุรีอัลลายแอนซ์ 25% ปตท. 15% สหยูเนี่ยน 10% ฮ่องกงอิเลคทริก 25% ชูบูอิเลคทริก 15% โตโยต้า 10%

นายบุญชู กล่าวถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าอื่นๆเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้ศึกษาที่จะเข้าไปลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าใน ต่างประเทศ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากมีความเสี่ยงทางการเมือง ทำให้เกิดต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทฯจึงหันมาสนใจที่จะไปสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เนื่องจากกฎระเบียบของกระทรวงพลังงานระบุว่า หากจะมีการสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกะวัตต์ในอนาคต จะต้องมีพลังงานทดแทน 4% หรือประมาณ 28 เมกะวัตต์เพื่อเป็นพลังงานสำรองให้กับประเทศ

"เราอยากเน้นการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเป็นหลัก เพราะถ้าไปคอมมิตสร้างโรงไฟฟ้าในต่างประเทศแล้ว อาจทำให้สูญเสียโอกาสการลงทุนในประเทศได้ ดังนั้นการลงทุนในต่างประเทศจึงให้ความสำคัญเป็นอันดับรอง" นายบุญชูกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2547 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,534.98 ล้านบาท ลดลง 3.56% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร สุทธิ 1,591.62 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.06 บาท/หุ้น เนื่องจากมีรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าราชบุรี (Availability Payment : AP) ไตรมาสที่ 1/2547 จำนวน 2,810.61 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ค่า AP จำนวน 3,198.45 ล้านบาท เป็นจำนวน 387.84 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.13% เนื่อง จากอัตราค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนลดลง ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และเป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้แล้ว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.