ราคาโอเลฟินส์ขยับเพิ่มขึ้นหนุนผลประกอบการไตรมาสแรกของ TOC-NPC เติบโต ขึ้น
โดย TOC มีกำไรสุทธิอยู่ 739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.15% พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้
1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 พันล้านบาท ด้าน NPC มีกำไรสุทธิ 954 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 31% เนื่องจากโอเลฟินส์ปรับตัวอยู่ที่ตันละ 650-700 เหรียญ ขณะเดียวกันใส่เงินลงทุนในโครงการต่อเนื่องอีกหลายโครงการ
บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOC ประกาศผลกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปีนี้
739 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 62 ล้านบาท เผยเลือกซัมซุง เอ็นจิเนียริ่ง รับเหมาก่อสร้างโรงงานผลิตสาร
MEG โรงงานต่อเนื่องที่ใช้เอทิลีนเป็นวัตถุดิบ
นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)(TOC)
เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2547 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการ ขายผลิตภัณฑ์ จำนวน
4,264 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,284 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 739 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
62 ล้านบาท หรือ 9.15% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ารายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ในไตรมาสแรกปีนี้ลดลงจากปีก่อน
318 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานได้หยุดการผลิตเป็นระยะเวลา 16 วันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
เพื่อเชื่อมต่อโรงงานโอเลฟินส์กับหน่วยผลิตเอทิลีนใหม่ อันจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตเอทิลีนเพิ่มอีก
300,000 ตันต่อปี และมีกำลังการผลิตโพรพิลีน เพิ่มอีก 15,000 ตันต่อปี โดยปี 2548
บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ รวม 890,000 ตันต่อปี ประกอบด้วย สารเอทิลีน
685,000 ตันต่อ ปีและโพรพิลีน 205,000 ตันต่อปี
แต่ราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนมากกว่า 10% โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีราคาเฉลี่ยระดับ
650-700 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ในปี 2546 ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์มีราคาเฉลี่ยระดับ
550-600 เหรียญสหรัฐต่อตัน ดังนั้นบริษัทฯ จึงประมาณการรายได้ในปีนี้ จำนวน 19,000
ล้านบาท เพิ่มจากปี 2546 ประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับความก้าวหน้าโครงการผลิตสารโมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG) ซึ่งบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยคือ
บริษัท ทีโอซีไกลคอล จำกัด ดำเนินการนั้น ปัจจุบันได้ดำเนินการออกแบบโรงงานแล้วเสร็จ
และเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2547 บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญากับบริษัท ซัมซุง เอ็นจิเนียริ่ง
จำกัดให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงงาน มูลค่าก่อสร้าง 145 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทซัมซุง
เอ็นจิเนียริ่งฯ จะรับผิดชอบด้านวิศวกรรม การจัดหา และการก่อสร้างโรงงาน โรงงานผลิตสารโมโนเอทิลีนไกลคอล
จะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/2549 มีกำลังการผลิตสารโมโนเอทิลีนไกลคอล
จำนวน 300,000 ตันต่อปี และใช้เอทิลีนเป็นวัตถุดิบจำนวน 200,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนโครงการผลิตสารฟีนอล ที่ใช้โพรพิลีนเป็นวัตถุดิบ
โดยร่วมทุนกับ บมจ.ปตท. และบริษัทปิโตรเคมีในเครือ ปตท.ในสัดส่วน 20% ตลอดจนร่วมลงทุน
โครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินงาน โดยจะใช้เงินลงทุนใน
2 โครงการนี้จำนวนประมาณ 800 ล้านบาท และ 340 ล้านบาทตามลำดับ
นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
(NPC) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 954 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ
727 ล้านบาท เป็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 31% เนื่องจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายโอเลฟินส์และจำหน่ายสาธารณูปการจำนวน
4,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
12% และราคาขาย โอเลฟินส์เฉลี่ย เพิ่มขึ้น 113 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากงวด
เดียวกันของปีก่อนเนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการขนถ่ายของเหลวและคลังเก็บผลิตภัณฑ์
และรายได้จากการให้บริการอื่นๆ ของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีจำนวน 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
17% โดยลูกค้าของบริษัทย่อยนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์ผ่านท่าเทียบเรือและใช้บริการคลังเก็บผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ
ขณะที่ต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย จำนวน 3,611
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 596 ล้านบาท เนื่องมาจากต้นทุนขายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบเฉลี่ยสูงขึ้น
50 เหรียญสหรัฐต่อตัน รวมทั้งมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 3 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนโครงการ ต่างๆทั้งโครงการเอทิลีนแครกเกอร์ และผลิตภัณฑ์ขั้นต่อเนื่อง
โครงการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ โครงการผลิตคิวมีน/ฟีนอล ที่ร่วมทุนกับปตท. และทีโอซี
เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีครบวงจร