บอร์ดฯอีสเทิร์นไวร์ มีมติให้ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ "ภิรมย์ ปริยวัตร์"
ตามที่ที่ปรึกษาทางการเงินได้ให้คำแนะนำ เนื่องจากราคาเสนอซื้อเหมาะสม หากผู้ถือหุ้นต้องการถือหุ้นระยะยาว
ก็ควรพิจารณาศักยภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคต ที่จะผันตัวเองเป็นบริษัท โฮลดิ้ง โดยมี
RWI เป็นผลิตเหล็กลวดแรงดึงสูง และเตรียมยื่นขอปลด "SP" เพื่อซื้อขายหุ้นในหมวดปกติ
บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) (EWC) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯได้รับสำเนาคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการจากนายภิรมย์
ปริยวัตร เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2547 จำนวนหุ้นสามัญ 11,984,186 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน
42.90% จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ราคาที่จะเสนอซื้อต่อหน่วย 4.3880
บาท มูลค่าที่เสนอซื้อ 52,586,608.17 บาท โดยมีระยะเวลารับซื้อระหว่างวันที่ 7
เม.ย.- 18 พ.ค. 2547
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาข้อเสนอใน คำเสนอซื้อและมีความเห็นว่ามติเป็นเอกฉันท์ให้ตอบ
รับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ โดยพิจารณาจากความเห็น ที่ว่าราคาเสนอซื้อเป็นราคาที่เหมาะสม
จากการพิจารณาการประเมินราคาหุ้นด้วยวิธีการต่างๆ ตาม รายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระรวมถึงการพิจารณาจากการที่หลักทรัพย์ของกิจการถูกสั่งพักการซื้อขาย
จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ ปี 2541 ซึ่งการตอบรับคำเสนอซื้อจะทำให้ผู้ถือหุ้นมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้น
ผู้ถือหุ้นที่ประสงค์จะลงทุนในระยะยาว ควร จะพิจารณาถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคตของกิจการ
ซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินงานของกิจการ และผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ด้านผลกระทบจากแผนงานและนโยบายตามที่ผู้เสนอซื้อระบุไว้ในคำเสนอซื้อ รวมทั้งความเป็นไป
ได้ของแผนงานและนโยบายดังกล่าว เนื่องจากกลุ่มผู้ทำคำเสนอซื้อได้ระบุไว้ในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ว่า
มีแผนที่จะปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจการปรับโครงสร้างองค์กร ผู้บริหารและบุคลากรของ
EWC และบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (RWI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความชัดเจน
ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานของบริษัท ที่จะมีการปรับโครงสร้างโดยให้ EWC ดำเนินธุรกิจ
ในรูปโฮลดิ้ง โดยมี RWI ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กแรงดึงสูงที่ใช้ในงานอุตสาห-กรรมก่อสร้าง
ลวดขอบล้อยางซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และลวดเชื่อมไฟฟ้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเชื่อมโลหะ
ผู้ทำคำเสนอซื้อมีแผนที่จะดำเนินการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจของ RWI เช่น จัดซื้อ วัตถุดิบเพื่อเพิ่มยอดขาย และชำระหนี้เพื่อลดยอดหนี้สินซึ่งครบกำหนดชำระแล้วที่มีต่อเจ้าหนี้การค้าลงได้
เนื่องกับผลิตภัณฑ์ของกิจการ มีแนวโน้มขยาย ตัว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจก่อสร้างทั้งของภาคเอกชนและรัฐบาล
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจประกอบรถยนต์
นอกจากนี้ ยังพิจารณาขยายการลงทุนในอนาคต การซื้อหรือควบรวมกิจการเพื่อขยายการดำเนินธุรกิจ
และ/หรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น เพื่อก่อให้เกิดผลตอบแทนที่เหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน มีความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทฯจะดำรงสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียน
และการขออนุมัติปลดเครื่องหมาย "SP" เพื่อให้หลักทรัพย์ของกิจการสามารถดำเนินการ
ซื้อขายในหมวดปกติได้ เนื่องจากปัจจุบันศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ
และกิจการมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯในการยื่นขออนุญาตเปิดทำการซื้อขายหุ้นในหมวดปกติได้
ส่วนแผนการปรับลักษณะการดำเนินธุรกิจให้กิจการเป็น Holding Company โดยบริษัทย่อยที่กิจการถือหุ้น
100 %เป็นผู้ดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กแรงดึงสูง ลวดขอบล้อยาง และลวดเชื่อมไฟฟ้า
ซึ่งแผนงานดังกล่าวสอด คล้องกับลักษณะการดำเนินธุรกิจของกิจการในปัจจุบันอยู่แล้ว
จึงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจการ
สำหรับปี 2546 บริษัทและบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 8.20 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายของบริษัทและบริษัทย่อย
เพิ่มขึ้นเป็น 582.20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี
2545 และมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 573.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.14% สินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัทย่อยมีจำนวน
608.43 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2545 เพิ่มขึ้น 0.17% ขณะที่ภาระหนี้สินรวม
523.54 ล้านบาท ลดลง 2.98%
บริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กแรงดึงสูงที่ใช้ในงาน
อุตสาหกรรมก่อสร้าง ลวดขอบล้อยางซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และลวดเชื่อมไฟฟ้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเชื่อมโลหะ
โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2544 ศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ และแต่งตั้งนายพีรพันธุ์
พาลุสุข เป็นผู้บริหารแผน และเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2547 ศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการฯ
ส่วนบริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ
99.99 ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับบริษัท อีสเทิร์นไวร์ จำกัด (มหาชน) มีโรงงานตั้งอยู่ที่
จังหวัดระยอง ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 100 ล้านบาท ปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 40,800
ตันต่อปี