กปภ.ไฟเขียว"อีสท์ วอเตอร์" เพิ่มทุนใหม่ โดยให้จัดสรรขายผู้ถือหุ้นเดิมและประชาชนทั่วไป
หวังนำเงินไปขยายธุรกิจและเสริมสภาพคล่องของหุ้น EASTW คาดว่าจะเพิ่มทุนได้ภายในสิงหาคมนี้
พร้อมทั้งเตรียม ออกหุ้นกู้ 2.5-3 พันล้านบาท เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระในเดือนมิถุนายนนี้
เผยแผนลงทุนในอีก 3 ปีใช้เงิน 4 พันล้านจัดหาแหล่งน้ำดิบเสริม
นายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการอำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
จำกัด (มหาชน)หรืออีสท์ วอเตอร์ (EASTW) เปิดเผยความคืบหน้าการปรับโครงสร้างการเงินของบริษัทฯว่า
บริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน (PO) ขายให้ประชาชนทั่วไป เพื่อนำเงินมาใช้ในการขยายธุรกิจ
และเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น EASTW ล่าสุดการ ประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
เห็นชอบกับ หลักการดังกล่าว เพียงแต่ขอให้กระทบต่อสัดส่วนการถือหุ้นเดิมให้น้อยที่สุด
และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เช่นเดิม ซึ่งบริษัทฯจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเพื่อพิจารณาปรับแผนใหม่
คาดว่าจะดำเนินการเพิ่มทุนฯได้สิงหาคมนี้
ก่อนหน้านี้ บริษัทจะเพิ่มทุนโดยขายให้ประชาชนทั่วไปทั้งหมด โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม
เพราะต้องการให้หุ้นมีสภาพคล่องมากขึ้น แต่จากการหารือกับกปภ. คงต้องมีการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมส่วนหนึ่ง
เพื่อไม่ให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้รับผลกระทบมากนัก โดยกปภ.ขอไม่ให้กระทบเกิน 10% จากเดิมที่ถือหุ้นอยู่
44%
นอกจากเหนือจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนแล้ว บริษัทฯจะออกหุ้นกู้จำนวน 2.5-3 พันล้านบาท
ตามมติที่ประชุมฯได้อนุมัติให้บริษัทฯออกหุ้นกู้ไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท เพื่อนำเงินมาไถ่ถอน
หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคมนี้ จำนวนเงิน 2.2 พันล้านบาท และขยายธุรกิจเพิ่มเติม
คาดว่าจะดำเนินการออกหุ้นกู้ภายในมิถุนายนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ทริสเรทติ้งฯ
จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่
ทั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินทั้ง 4 รายประกอบด้วย กสิกรไทย บล.ภัทร บล.กิมเอ็ง
และบล.ฟินันซ่า ได้เสนอให้บริษัทฯระดมทุนโดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่เพื่อแก้ปัญหา
สภาพคล่องหุ้น EAST โดยผู้ถือหุ้นระยะแรกจะไม่ได้รับสิทธิ์ โดยการออกวอร์แรนต์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
เพื่อแก้ปัญหาการด้อยสิทธิ์
"เดิมบริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ให้กับประชาชนทั่วไปทั้งหมด
โดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เพราะต้องการให้หุ้นEASTWมีสภาพคล่องขึ้น เพราะหากจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบันและภาครัฐ ก็จะไม่มีการนำมาขายในกระดาน ทำให้หุ้นไร้สภาพคล่องเช่นเดิม
แต่จากการหารือกับกปภ.เขา เห็นชอบในหลักการ โดยให้เขาไดรูทชันน้อยที่สุด ดังนั้นการเพิ่มทุนครั้งนี้ต้องกันหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมส่วนหนึ่ง
และขายให้ประชาชนทั่วไป" นายวันชัย กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนนั้น จะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจเพิ่มเติม โดยจัดหาแหล่ง
น้ำดิบเพิ่มเติม และลงทุนวางท่อเชื่อมแหล่งน้ำกับผู้ใช้ แม้ว่าปัจจุบันภาคตะวันออก
จะไม่ประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเพียงพอ คงมีเพียงพื้นที่บริเวณศรีราชา
เท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องระบบท่อ ซึ่งเป็นปัญหาการ กระจายน้ำมากกว่า ขณะที่แหล่งน้ำดิบไม่มีปัญหา
ศึกษาแหล่งน้ำเพิ่ม 2 แห่ง
จากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและ การบริโภคในครัวเรือน ทำให้บริษัทต้องวางแผน
หาแหล่งน้ำเสริมจากแหล่งเดิมในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อป้องกันปัญหาการน้ำขาด ซึ่งบริษัทฯได้ศึกษาอยู่พบ
2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำประแสร์ ซึ่งขณะนี้ทางกรมชลประทานอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง
คาดว่าจะเสร็จในเร็วๆ นี้ โดยบริษัทจะเจรจาขอใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำดังกล่าว คาดว่าจะได้ปริมาณน้ำประมาณ
60 ล้านลบ.ม. ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทฯจะนำน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมาใช้ โดยการวางท่อไปเชื่อมกับอ่างเก็บน้ำบางพระ
จังหวัดชลบุรี เพื่อนำน้ำจืดที่มีอยู่ แค่ 6-7 เดือนของแม่น้ำบางปะกงไปเก็บไว้ที่อ่าง
บางพระ ซึ่งต้องวางท่อเป็นระยะทาง 60-70 กม. คาดว่าจะได้ปริมาณน้ำ 70-80 ล้านลบ.ม.ต่อปี
โครงการหาแหล่งน้ำเสริมทั้ง 2 แห่งนี้ บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท
ดังนั้นแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินเพิ่มทุนและการออกหุ้นกู้
สำหรับการลงทุนในปี 2547 บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ
จะขยายระบบการให้บริการน้ำดิบเพิ่มขึ้น โดยจะวางท่อน้ำดิบต่อจากฉะเชิงเทราไปยังนิคมฯบางพลีและนิคมฯบางปู
เพื่อให้บริการน้ำดิบแก่ นิคมฯดังกล่าว หลังจากรัฐบาลมีนโยบายให้เลิกการใช้น้ำบาดาลในต้นปีหน้า
โครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จกลางปี 2548
ส่วนโครงการขยายการให้บริการน้ำดิบไปสู่จังหวัดปราจีนบุรีนั้น บริษัทฯจะลดขนาดโครงการลง
หลังจากผลศึกษาพบว่าตัวเลขความ ต้องการใช้น้ำไม่ได้มากอย่างที่คาด ใช้เงินลงทุน
เหลือไม่เกิน 1 พันล้านบาท
นายวันชัย กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำในปี
2547 อยู่ที่ 170 ล้านลบ.ม.ต่อปี เพิ่มขึ้น12% เมื่อเทียบ จากปี 2546 (สิ้นสุด
30 ก.ย. 46) ที่มียอดขายน้ำอยู่ที่ 150 ล้านลบ.ม.ต่อปี และคาดว่าจะมีกำไร สุทธิโตขึ้น
10% เมื่อเทียบจากปี 2546 ที่มีกำไรสุทธิ 352 ล้านบาท เหตุผลที่ตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจไว้ค่อนข้างสูง
เนื่องจากเศรษฐกิจ โดยรวมเติบโตขึ้น ทำให้มีการใช้น้ำในนิคมอุตสาหกรรมทั้งระยองและชลบุรีเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ยอดขายน้ำดิบในครึ่งปีแรกนี้อยู่ที่ระดับ 70-80 ล้านลบ.ม. ซึ่งยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
แต่ผลกำไรน่าจะดีขึ้น เนื่องจาก บริษัทฯในเครือมีผลประกอบการดีขึ้น