แนเชอรัล พาร์ค เปิดแผนลงทุนใน ตลาดโลก ชี้มูลค่าตลาดรวมสูง กระจายความเสี่ยงการลงทุนในประเทศ
และเพิ่มเสถียรภาพการลงทุนองค์กร ทุ่มงบ 700 ล้านบาทผุดโรงแรม 5 ดาวเฟสแรกในเมือง
เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น แจงเตรียมทุ่มอีกกว่า 1,000 ล้านบาท ขยายเฟส 2 และ 3 ย้ำภายใน
2 ปี สัดส่วนการลงทุนต่างประเทศต้องเพิ่มเป็น 50% เทียบเท่ากับการลงทุนภายในประเทศ
นายเสริมสิน สมะลาภา กรรม การผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)
(N-PARK) เปิดเผยว่าบริษัทมีนโยบายขยายฐานการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยใช้แบรนด์
แนเชอรัล เป็นหัวหอกในการขยายฐานการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกำหนดบทบาทไว้ที่ 50%
เทียบเท่ากับการลงทุนภายในประเทศ เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวที่ขยายตัว
แนวทางที่กำหนดไว้ ภายใน 2 ปีจากนี้ จะปรับเพิ่มการลงทุนให้ครบ 50% จากการศึกษาและการ
เดินทางดูงานทางด้านการตลาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เชื่อว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะมีการเติบโตสูงที่สุด
เนื่องจากธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ดังนั้นบริษัทจึงจะเน้นการลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับที่พักอาศัยในต่างประเทศ
อาทิ การลงทุนในธุรกิจ โรงแรม โดยในระยะแรกบริษัทจะเน้นการลงทุน ในประเทศแถบทวีปเอเชียเป็นหลัก
สำหรับโครงการแรกที่บริษัทเริ่มลงทุนในต่างประเทศ ขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้วคือ
การลง ทุนก่อสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาวในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ใช้งบประมาณลงทุนจำนวน
700 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรมบนเนื้อที่ 100 ไร่ ที่ผ่านมาได้มีการออกแบบการก่อสร้างโรงแรมดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และสามารถดำเนิน การก่อสร้างได้ภายในปี 2547 สำหรับระยะเวลา ในการก่อสร้างจะใช้เวลาประมาณ
2 ปีครึ่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในปี 2550 โดยมีกลุ่มนักธุรกิจ
และนักท่องเที่ยวเป็นตลาดเป้าหมายหลัก
นายเสริมสิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโรงแรมในเนื้อที่ 100 ไร่นี้
ถือว่าเป็นการ ก่อสร้างโรงแรมในเฟสแรก เพราะในระยะต่อไป บริษัทมีแผนที่จะขยายพื้นที่ก่อสร้างโรงแรมออก
ไปอีก ในเฟสที่ 2 และ 3 ซึ่งจะต้องการลงทุนเพิ่ม อีกประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม
2,500 ล้านบาท
ในจำนวนนี้แยกเป็นราคาที่ดิน จำนวน100 ไร่ ที่บริษัทและบริษัทพันธมิตรร่วมกันซื้อมาจาก
สถาบันการเงินในประเทศญี่ปุ่นในราคา 240 ล้านบาทสำหรับส่วนของเฟสแรก และเตรียมซื้อเพิ่ม
อีกในส่วนของเฟส 2
"การที่บริษัทเลือกที่จะลงทุนในเมืองเกียวโตประเทศญี่ปุ่นนั้น เนื่องจากเกียวโตมีจุดเด่น
ที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ทั่วโลก คือ เป็นเมืองที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรมที่เก่าแก่
กับความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยี และยังเป็นเมืองที่ได้รับการคัดเลือกจากองค์การ
UNESCO และประกาศให้ 17 สถานที่สำคัญเป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ประกอบกับยังเป็นเมืองที่มีระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงด้วย" นายเสริมสิน
กล่าว
สำหรับ แหล่งเงินทุนที่บริษัทจะนำไปลงทุน ในการก่อสร้างโรงแรมนั้น คาดว่าส่วนหนึ่ง
บริษัทจะดำเนินการขอกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ ญี่ปุ่น และอีกส่วนหนึ่งจะใช้เงินทุนของบริษัท
โดยอัตราส่วนการลงทุนจะอยู่ที่ 1 ต่อ 1 ส่วนคาดว่า จะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน
20% หลังเปิดให้บริการในปี 2550 และจะสามารถมีผลประกอบการคุ้มทุนได้ภายในระยะเวลา
10 ปี
นายเสริมสิน กล่าวว่า การที่บริษัทหันไปให้ความสำคัญกับการลงทุนในต่างประเทศนั้น
เนื่องจากต้องการลดอัตราเสี่ยงในการลงทุนของ บริษัท และมูลค่ารวมของธุรกิจอสังหาฯในตลาด
โลกมีขนาดที่ใหญ่มาก เมื่อเทียบกับตลาดในประเทศ ประกอบกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงในตลาดธุรกิจอสังหาฯ
ในแต่ละประเทศก็จะมีความ แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีเสถียรภาพด้าน การลงทุนมากขึ้น