พนักงานธนาคารเอเชีย-ยูโอบีรัตนสินหวั่นควบรวมกิจการทำให้มีการลดพนักงาน ขณะที่
"จุลกร สิงหโกวินท์" เปิดเว็บบอร์ดภายในไข ข้อข้องใจพร้อมหนังสือเวียนขอให้พนักงานทำหน้าที่บริการลูกค้าตามปกติ เชื่อผู้บริหารเลือกผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่ดีที่สุดแล้ว ด้านพนักงานยูโอบีรัตนสินก้มหน้ารับชะตากรรมแล้วแต่สิงคโปร์จะบัญชา
หวังลึกๆ ไม่ถึง ขั้นควบรวม
หลังจากธนาคารเอบีเอ็น แอมโร ผู้ถือหุ้นใหญ่ ธนาคารเอเชีย (BOA) ตัดสินใจขายหุ้นทั้ง
80.77% ให้กับธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ หรือยูโอบีเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) พนักงานธนาคาร
2 แห่ง คือธนาคารยูโอบีรัตนสิน (UOBR) กับธนาคารเอเชียมีการวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนวิตกกังวลถึงอนาคตในการทำงานหากมีการควบรวมกิจการ
โดยเฉพาะพนักงานธนาคารเอเชียซึ่งถูกยูโอบีเทกโอเวอร์กิจการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้นายจุลกร สิงหโกวินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเอเชีย
เปิดโอกาสให้พนักงานตั้งกระทู้คำถามเกี่ยวกับการเข้ามาของยูโอบีผ่านเว็บบอร์ดภายในธนาคาร
พร้อมส่งจดหมายเวียนแจ้งพนักงานของธนาคารทุกคนว่าการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
เป็นเพราะศักยภาพของพนักงานและธนาคาร ซึ่งในระหว่างขั้นตอนการเจรจานี้ ขอให้พนักงานทุกคนรักษามาตรฐานในการให้บริการแก่ลูกค้าที่ดีต่อไป
"ข่าวในเรื่องนี้คงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนตีพิมพ์กันอย่างแพร่หลาย อย่างไรก็ตาม
ขั้นตอนการเจรจาที่ยังดำเนินการอยู่จึงไม่ สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้ ผมขอให้เพื่อนร่วมงานทุกท่านโปรดติดตามข่าวสารจากสื่อภายในธนาคารซึ่งจะนำเสนอความคืบหน้าในทุกระยะ"
พนักงานของธนาคารเอเชียรายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่าหลังการชี้แจงผ่านเว็บบอร์ดและหนังสือเวียน
ตนเข้าใจและคลายความวิตกลงไป คงต้องรอให้ดีลนี้จบก่อน
"ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่มีแต่ความอึมครึม ตอนนี้รู้จุดหมายปลายทางที่ชัดเจน
แล้วการทำงานก็กลับมาสู่สภาพปกติ อีกอย่างเชื่อ ว่าสิ่งที่ทางผู้บริหารและผู้ถือหุ้นเลือกนั้นย่อมเป็น
สิ่งที่ดีต่อพนักงาน ลูกค้าและผู้ถือหุ้น คิดว่าผู้ใหญ่ คงมีการพูดคุยกัน หากจะเลือกใครคงไม่ทำให้เกิดความระส่ำระสายมาก
ผู้ที่จะเข้ามาถือหุ้นราย ใหญ่รายใหม่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคงมีการเลือกอย่างดีแล้ว"
พนักงานธนาคารเอเชียกล่าว
อย่างไรก็ตาม พนักงานอีกรายไม่ต้องการให้ มีการควบรวม เพราะเชื่อว่าต้องลดจำนวนพนักงานลงอย่างแน่นอน
เขาอ้างว่า เท่าที่คุยกันในหมู่ เพื่อนพนักงานเชื่อว่าต้องมีการปลดคนออก บางคนจึงเริ่มหางานใหม่
ด้านพนักงานธนาคารยูโอบีรัตนสินให้ความ เห็นว่าผู้บริหารธนาคารฯยังไม่ได้แจ้งข่าวใดๆ
แต่พอจะทราบข่าวทางหนังสือพิมพ์ ต่อเรื่องดังกล่าว ผู้บริหารอ้างว่า การซื้อหุ้นธนาคารเอเชียเป็นเรื่อง
ของยูโอบี ประเทศสิงคโปร์ แม้แต่ผู้บริหารระดับ สูงของยูโอบีรัตนสินเองก็ไม่ทราบรายละเอียด
"แม้จะเชื่อมั่นว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในการซื้อหุ้นของธนาคารเอเชีย จะเลือกสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน
แต่ยังหวังว่าการซื้อขายหุ้นระหว่างยูโอบี สิงคโปร์กับเอบีเอ็น แอมโรจะไม่ทำให้มีการควบรวมระหว่างยูโอบีรัตนสินกับเอเชีย
ไม่เช่นนั้นคงมีการ ลดจำนวนพนักงานอย่างแน่นอน"
พนักงานอีกคนกล่าวว่า ถ้ามีการควบรวมพนักงานที่เหลือคงต้องเหนื่อยมากขึ้น อย่างน้อย
วัฒนธรรมการทำงานของ 2 องค์กรแตกต่างกัน
ทั้งนี้ ธนาคารเอเชียมีเอบีเอ็น แอมโรถือหุ้นใหญ่ 4,115,769,676 หุ้น คิดเป็น
80.77% ส่วนยูโอบี สิงคโปร์ ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารยูโอบีรัตนสิน 776,163,410 หุ้น
คิดเป็น 78.83%