เจาะกลยุทธ์AIS2พันบริการ


ผู้จัดการรายวัน(14 เมษายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เจาะกลยุทธ์การตลาดเอไอเอส ให้ความสำคัญ 4 พื้นที่ยุทธศาสตร์ เปิดมิติใหม่การแข่งขัน ใช้หมากเด็ดกว่า 2,000 บริการล่อใจลูกค้ามากกว่าตัดราคาแบบเก่าๆ มั่นใจระบบบิลลิ่งยืดหยุ่นได้ทุกความต้องการใช้งาน ย้ำเอไอเอสวันนี้มีฐานลูกค้ามากพอผลิตสินค้าและบริการที่เหนือชั้นกว่าโอเปเรเตอร์รายอื่น

ปีที่ผ่านมาเอไอเอสให้ความสำคัญอย่างมากกับการจัดการภายในองค์กรให้เข้าสู่ระบบงานที่มีประสิทธิภาพ มาในปีนี้จึงเป็นปีแห่งการบุกไปข้างหน้าอย่างจริงจังของเอไอเอส ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมการตลาด เปิดตัวบริการใหม่ๆ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายหลักที่วางไว้ในปีนี้ว่าต้องการเปิดตัวให้กับตลาดภายนอกซึ่งรวมถึงตลาดต่างประเทศรู้จักเอไอเอสมากยิ่งขึ้น

นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือ เอไอเอส กล่าวว่าจากการแข่งขันของเหล่าโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันส่งผลให้สภาพตลาดใกล้ถึงจุดอิ่มตัว เอไอเอสจึงจำเป็นต้องมองกิจกรรมทางการตลาดใหม่ๆที่จะเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้ยอดรายได้ลดลงหรือหยุดอยู่กับที่ ด้วยเป้าหมายหลัก 4 ด้าน

ด้านแรกคือการทำตลาดลูกค้าองค์กรธุรกิจซึ่งจะเป็นหัวใจหลักของการทำตลาดในปีนี้ องค์กรธุรกิจจะเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสในการเข้าไปสร้างรายได้อีกมาก จากเดิมที่ผ่านมาเป็นการใช้บริการด้านเสียงเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่การนำเสนอแอปพลิเคชั่นโซลูชั่นที่เหมาะกับแต่ละองค์กรยังไม่มีโอเปอเรเตอร์รายไหนเปิดตลาดอย่างจริงจัง มาวันนี้ เอไอเอสจับช่องว่างจุดนี้มาทำตลาดอย่างเข้มข้น

ด้านที่ 2 บริการที่เป็นนอนวอยซ์ ในลักษณะไวร์เลสเซอร์วิสที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น Mobile Advertising เอไอเอสมีความคิดที่จะกระตุ้นบริการที่เป็นนอนวอยซ์เพื่อต่อยอดการให้บริการ เพิ่มยอดรายได้นอกจากมาจากบริการด้านเสียง

"ปัจจุบันตลาดใกล้ถึงจุดอิ่มตัว โจทย์ใหม่ที่เกิดขึ้นคือ ทำอย่างไรที่จะให้ลูกค้ามีการใช้เพิ่มมากขึ้น เพื่อไม่ให้ตลาดนิ่ง เราจำเป็นต้องการบริการใหม่ๆที่จะเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดเกิดการเคลื่อนไหวด้วยบริการใหม่ๆเข้ามาเสริม"

ด้านที่ 3 เอไอเอสให้ความสำคัญคือการแบ่งเซ็กเมนต์ ที่ผ่านมาเอไอเอสมีการจัดแบ่งเซ็กเมนต์ลูกค้าเป็นกลุ่มต่างๆ จัดกิจกรรมการตลาดเสริมในแต่ละกลุ่มส่งผลให้ยอดลูกค้าที่หนีออกจากระบบลดลงอย่างมาก ทั้งยังมีลูกค้าที่หนีจากระบบอื่นเข้ามามากอีกอย่างเห็นได้ชัด

"เราสามารถตอบโจทย์ให้กับความต้องการของลูกค้าได้ จัดบริการที่เข้ากับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน"

สิ่งสุดท้ายที่เอไอเอสให้ความสำคัญอย่างมากในปีนี้คือการให้บริการข้ามแดนอัตโนมัติหรือ อินเตอร์เนชั่นแนล โรมมิ่ง ด้วยการเปิดบริการซิมทูโก

นายกฤษณัน กล่าวว่า ทั้ง4ด้านนี้จะเป็นตัวกระตุ้นตลาดให้กับเอไอเอส โดยในปีนี้จะไม่เห็นการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อกระตุ้นการเพิ่มยอดลูกค้าจากเอไอเอส ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบราคาหรือการแจกซิม การ์ดฟรี

" เราไม่ลงไปเล่นแบบนี้เพราะสิ่งที่จะตามมาคือเรื่องคุณภาพการให้บริการกับคุณภาพลูกค้า จากปัจจุบันประชากรมือถืออยู่ที่ 35% ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 38 ในเร็ววันนี้ แต่เอไอเอสไม่อยากกระตุ้นตลาดมากนัก อยากให้อัตราการเติบโตเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจจริงๆมากกว่า แทนที่จะสร้างบรรยากาศจำลองขึ้นมาแล้วตามมาด้วยหนี้สูญ เกิดการบาดเจ็บต้องมานั่งแก้ไขกันที่หลังเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอนจึงเป็นนโยบายของเอไอเอสที่ว่าการได้มาของจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นเพราะคุณภาพและความต้องการใช้งานจริงมากกว่า"

นายกฤษณัน กล่าวว่า ปัจจุบันเอไอเอสเริ่มให้แต่ละภูมิภาคออกแบบโครงสร้างอัตราค่าบริการได้เองผ่านช่องทางร้านเทเลวิซ เช่นจ่าย 800 บาท โทรในเครือข่ายราคาเท่าไร โทรนอกเครือข่ายได้ราคาเท่าไร โดยต้องมีการติดตามดูว่าอัตราค่าบริการอย่างไรที่เหมาะสม เมื่อระบบ C-Care มีความสมบูรณ์อย่างเต็มที่แล้ว จะแสดงให้เห็นความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น เช่นระบบบิล จะแยกว่าโทรช่วงเวลานี้ชาร์จเข้าบริษัท หลังจากเวลานี้จ่ายเอง หรือโทรเวลานี้ราคาหนึ่ง อีกพื้นที่ราคาหนึ่งสามารถแยกให้เห็นได้ ทำให้เราทำงานได้สบายมากยิ่งขึ้น

"ทุกอย่างทำเสร็จหมดแล้วเพียงแต่ว่าต้องรอเวลาและปล่อยออกมา"

ทุกวันนี้เอไอเอสมีความพร้อมอย่างมาก มีการวางแผนการตลาดไว้ไกลถึงเดือน ก.ค. แล้วแค่รอหลังบ้านผลิตผลงานให้ทันกับแผนการตลาดที่วางไว้เท่านั้น รวมทั้งยังมีแผนสำรองเผื่อตลาดเกิดปรากฏการณ์แข่งขันที่รุนแรงก็จะมีแผนฉุกเฉินรองรับทันที

" ไดเร็กชั่นเรามีการวางไว้ถึงปี 2006 แล้ว ปัจจุบันก็เตรียมเรื่องเน็ตเวิร์กให้พร้อม เพื่อเตรียมออกบริการใหม่ๆออกมา"

เขาย้ำว่าเอไอเอสมีบริการมากกว่า 2,000 รายการ ซึ่งบางบริการถือว่านำหน้าโอเปอเรเตอร์ชั้นนำในโลกด้วยซ้ำ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของเอไอเอสที่ต้องออกมาพูดให้นักลงทุนหรือลูกค้าเข้าใจถึงบริการที่มี

"ก่อนหน้านี้เอไอเอสเคยพูดเรื่อง Spy Cam เป็นการถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือและจะไปขึ้นเครื่องพีซีทันที แต่ไม่มีคนสนใจ ต่อมาเอ็นทีที โดโคโมเอาเทคนิคนี้ไปใส่ในหุ่นยนต์กลับได้รับความสนใจอย่างมาก"

เอไอเอสเริ่มจับมือกับพาร์ตเนอร์ต่างชาติเพราะต้องการมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆที่เข้ามาเสริม โดยมองการรับจ้างผลิต หรือ OEM เป็นทางลัด ที่จะช่วยให้เอไอเอสทำตลาดอุปกรณ์ที่ทันสมัยได้เร็วกว่าการนั่งรอให้โรงงานผลิตผลิตสินค้าออกมาก่อนแล้วมานำเสนอ แต่กลับกัน นับจากนี้ต่อไปเอไอเอสจะเป็นคนบอกความต้องการและสั่งให้โรงงานเหล่านี้ผลิตสินค้าให้แทน

"ทุกวันนี้สินค้าที่เป็นOEM ครองตลาดในจีนกว่า 50% ส่วนที่เหลืออีก50%เป็นสินค้าที่เป็นแบรนด์อยู่แล้ว เราก็แค่เดินเลือกว่าต้องการอะไร เมื่อไร จำนวนเท่าไร หลังจากนี้ก็แค่สั่งให้เขาผลิตให้ ทำให้ทุกวันนี้เอไอเอสเดินได้เร็วกว่าเมื่อก่อน"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.