ดันรถใต้ดินเข้าเทรดไตรมาส3ผู้ว่าฯชี้300บาทต่อหุ้นสุดเวอร์


ผู้จัดการรายวัน(30 มีนาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

บีเอ็มซีแอลเผยผู้ถือหุ้นไม่ขัดขายคืนสัมปทานรถใต้ดินให้รัฐ อ้อนขอความเป็นธรรม ชี้ถกราคาขายเป็นเรื่องใหญ่ ด้านผู้ว่าฯรฟม.เผย 300 บ.ต่อหุ้นสุดแพง "สมบัติ" ยันแผนเข้าตลาดฯไตรมาส 3 ระบุต้องการเงินอีก 5,000 ล้านบาทนำมาซื้อรถเพิ่ม และลด กำหนด 13-18 เม.ย.เปิดอุโมงค์ให้ประชาชนสัมผัสรถใต้ดินสายแรก เตรียมแจกบัตร 300,000 ใบ ปัดข้อเสนอบริษัทมือถือและห้างฯ ขอแจม ใช้วิธีส่งจดหมายขอโดยตรง อ้างไม่ต้องการให้เป็นธุรกิจ

นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(บีเอ็มซีแอล) เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นของบีเอ็มซีแอลพร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐเรื่องการขายสัมปทานคืน เพราะเห็นว่านโยบายของรัฐจะต้องเป็นประโยชน์กับประชาชนแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันรัฐควรให้ความเป็นธรรมกับเอกชนด้วย ซึ่งที่ผ่านมา บีเอ็มซีแอล ได้ทำตามระเบียบกติกาของภาครัฐมาตลอด ส่วนเรื่องราคาคงตอบไม่ได้ว่าจะขายกันที่เท่าไร ต้องให้ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันก่อน แต่ยอมรับว่า เรื่องราคาและบุคลากรเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่ต้องเจรจากันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

หาเม็ดเงิน 5,000 ล้านบ.ซื้อรถ-ลดหนี้

นายสมบัติกล่าวถึงการกระจายหุ้นในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามแผนบีเอ็มซีแอลต้องการเพิ่มทุนจาก 7,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย 10,000 ล้านบาท โดยได้เลื่อนการกระจายให้ประชาชนทั่วไปจากปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 47 เป็นไตรมาสที่ 3 แทน เนื่องจากปัจจัยยังไม่เอื้อ เช่น ภาวะตลาดมีความผันผวน ความไม่ชัดเจนและยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องรัฐจะซื้อสัมปทานคืน ซึ่งหากการซื้อคืนยุติก่อนกำหนดเข้าตลาดบีเอ็มซีแอล ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าตลาดฯอีกต่อไป เพราะหน้าที่จะเป็นของรัฐแทน แต่หากซื้อคืนบางส่วน ก็จะเข้าตลาดฯเช่นเดิม และปัจจัยที่นักลงทุนอาจจะยังไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับความพร้อมของระบบ ซึ่งเรื่องนี้การเปิดให้ประชาชน ร่วมทดลองนั่งจะสร้างความมั่นใจได้

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนครั้งนี้นั้น บีเอ็มซีแอล จะนำเงินดังกล่าวมาลดหนี้จำนวนกว่า 12,000 ล้านบาท และนำมาซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 3-5 ขบวนจากเดิมที่มีรถไฟฟ้า 19 ขบวน ก็จะเป็น 22 ขบวน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 5,000 ล้านบาท

นายสมบัติกล่าวว่า บริษัทเงินทุนฟินันซ่าและบริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด ที่ปรึกษาในการขายหุ้น อยู่ระหว่างการวิเคราะห์เรื่องราคาหุ้นที่จะขายและกำหนดที่เหมาะสม ส่วนการเข้าตลาดก่อนที่จะเปิดบริการหรือหลังนั้น มีข้อดีข้อเสียต่างกัน หากเข้าตลาดก่อนเปิดก็อาจจะทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจได้เพราะยังไม่มีรายได้ แต่เข้าหลังก็อาจจะมีปัญหาเรื่อง ภาวะตลาดที่ไม่เหมาะก็ได้ จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งเมื่อกุมภาพันธ์บีเอ็มซีแอลได้ปรับลดราคาพาร์ลงจาก 100 บาทต่อหุ้นเหลือ 1 บาทต่อหุ้น และจดทะเบียนเป็นบริษัท จำกัด (มหาชน) เรียบร้อยแล้ว

บริษัทมั่นใจว่าหากเปิดให้บริการจะได้รับการตอบรับจากประชาชนทั่วไปอย่างดี โดยคาดว่าจะเปิด ได้เร็วกว่ากำหนดเดือนสิงหาคมเป็นเดือนกรกฎาคม และจะมีผู้โดยสารใช้บริการกว่า 250,000 เที่ยว/วัน และจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-7% ในปี 2548 โดยค่าโดยสารในปีแรก (2547) จะอยู่ที่ 12-31 บาท/คน/เที่ยว ให้ส่วนลด 15% จากปกติที่ 14-36 บาท/คน/เที่ยว

รฟม.ชี้ราคาขายต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า เรื่องที่ บริษัท ช.การช่างเสนอราคาขายสัมปทานรถไฟใต้ดินที่ 300 บาทต่อหุ้นนั้นไม่ทราบและเห็นว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ซึ่งราคาที่เหมาะสมมีหลักในการคิดและสามารถตรวจสอบได้จากเงินลงทุน แบ่งเป็นเงินกู้ 11,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 6,000 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ ซึ่งเมื่อมีการซื้อคืนก็จะต้องคำนวณถึงกำไรให้กับบริษัทด้วย เพื่อความเป็นธรรม

การคิดต้นทุนการในการซื้อคืนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาอยู่ที่บริษัทจะคิดบวกกำไรในสัดส่วนเท่าใด โดยเฉพาะช่วงอายุสัมปทาน 25 ปีเพราะขณะนี้โครงการยังไม่ได้เปิดให้บริการ ตัวเลขผู้โดยสารเป็น แต่เพียงการประมาณการ แต่หากเปิดให้บริการจริงมีตัวเลขผู้ใช้บริการมากขึ้นการกำหนดข้อเสนอก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่เมื่อยังไม่เปิดให้บริการก็ถือว่ารัฐมีความเสี่ยงอยู่บ้าง

ประมูลบางซื่อ-บางใหญ่ปลาย 47

ส่วนการต่อขยายโครงการนั้น นายประภัสร์ กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการภายใน 1 - 2 เดือนจะสามารถว่าจ้างที่ปรึกษาเข้ามาจัดทำแผน รายละเอียดโดยปรับจากแผนการก่อสร้างเดิม ซึ่งที่ปรึกษาจะทำแผนก่อสร้างที่เรียกว่า Definitive Design เสนอ รฟม. ภายใน 4 เดือน และคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลก่อสร้างได้ภายในปี 2547 โดยช่วงบางซื่อ-บางใหญ่จะเริ่มลงนามก่อสร้างได้ในช่วงต้นปี 2548 ช่วงหัวลำโพง-บางแค เริ่มลงนามก่อสร้างได้กลางปี 2548 และช่วง บางกะปิ-ราษฎร์บูรณะ เริ่มทำสัญญาก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2548 โดยการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายใน 6 ปี

ส่งจดหมายขอบัตรฟรีทดลองนั่ง 13-18 เม.ย.

โดยวานนี้ (29 มี.ค.) รฟม.พร้อมด้วยบีเอ็มซีแอลได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงความพร้อมในการเปิดให้ ประชาชนร่วมทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทย โดยจะเริ่มในวันที่ 13-18 เม.ย. 47 ซึ่งกำหนดไว้ประมาณ 300,000 คนโดยนายสมบัติ กล่าวว่า ประชาชนที่สนใจร่วมทดลองนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสามารถขอรับบัตรฟรีได้โดยการส่งจดหมายและจ่าหน้าซองถึงตัวเองพร้อมติดสแตมป์มาที่บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด ตู้ ป.ณ.434 ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10310 ภายในวันที่ 10 เม.ย. นี้ หรือสอบถามได้ที่ 0-2354 2000 เพราะเป็นวิธีการที่ง่าย และกติกาไม่ยุ่งยาก เป็นธรรม ที่สำคัญมิได้มุ่งแสวงผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีห้างสรรพสินค้าและผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดต่อขอเข้าร่วมในโครงการก็ตาม

นายสมโพธิ ศรีภูมิ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บีเอ็มซีแอล กล่าวว่า ได้แบ่งการให้ประชาชนร่วมทดลองนั่งรถใต้ดินเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ 1. ในระหว่างวันที่ 6-9 เม.ย.2547 ระหว่างเวลา 09.00 - 18.00 น. จะเปิดให้ประชาชนที่สนใจเข้าเยี่ยมชมสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 18 สถานี เพื่อให้ประชาชนทั่วไปลงไปเยี่ยมชมและเรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการ ใช้ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินได้อย่างปลอดภัย 2.ระหว่างวันที่ 1-9 พ.ค. 2547 จะเปิดโอกาสให้หน่วยราชการ องค์กรเอกชนที่แสดงความจำนงเป็นคณะเข้าเยี่ยมชมโครงการ ณ บริษัทฯ

3. สาธิตการเดินรถไฟฟ้าใต้ดิน แบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรก ระหว่างวันที่ 13-18 เม.ย.2547 และในวันที่ 15, 29 และ 30 พ.ค.2547 ในระหว่างเวลา 10.00 -14.00 น. ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับบัตรทดลองโดยสารขึ้นรถไฟฟ้าตามกำหนดสถานีและวันเวลาที่ระบุไว้ในบัตร ช่วงที่ 2 ในวันที่ 10,14, 17, 19, 21, 24, 25, 27, 28 และ 31 พ.ค. จะเปิดโอกาสให้ประชาชนทดลองโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินในการเดินทางมาทำงานและกลับบ้านในช่วงเวลาเร่งด่วน เช้า เวลา 06.00-08.30 น. กลางวัน 11.30-13.00 น. และเย็น 16.30-19.00 น. ซึ่งจะแจกบัตรให้แก่ประชาชน ที่มีที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงานในเส้นทางที่รถไฟฟ้าใต้ดินผ่าน การกำหนดเป็นช่วงเวลาในการทดลอง การเดินรถนั้น เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อแผนการเร่งรัดการดำเนินโครงการ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.