เจ้าหนี้เด้งแผนฟื้นฟูTPI


ผู้จัดการรายวัน(26 มีนาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เจ้าหนี้เด้งแผนฟื้นฟูกิจการฉบับเจพีมอร์แกน-บล.ไทยพาณิชย์ เหตุใช้หลักวิชาการมากเกินไปจนไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่เสียกับเสีย แถมผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ไม่ได้รับการดูแลซึ่งผิดวัตถุประสงค์ ชี้ลดทุนโหดทำแบงก์กรุงเทพป่วนต้องตั้งสำรองอื้อ กระเทือนมาร์เกตแคปและผู้ถือหุ้นรายย่อยแบงก์กรุงเทพอีกบานตะไท ล่าสุดเจ้าหนี้เตรียมปรับแผนฟื้นฟูใหม่หาสูตรที่เป็นกลางกับทุกฝ่าย

วานนี้ (25 มี.ค.)หุ้นบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย หรือ TPI ได้ปรับตัวลดลง โดยราคาปิดที่ 5.85 บาท ลดลง 2.10 บาท คิดเป็น 26.42% ท่ามกลางสถานการณ์ที่หุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ๆ ได้ปรับตัวลงจึงสร้างความตื่นตระหนกให้แก่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยการปรับลดลงของราคาหุ้น TPI เป็นผลมาจากความไม่ชัดเจนของการฟื้นฟูกิจการ TPI

แหล่งข่าวจากเจ้าหนี้บริษัท อุตสาหกรรมเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากผลการเจรจากับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ไม่ได้ข้อสรุปการเข้ามาร่วมลงทุน วานนี้ (25 มี.ค.) ได้เกิดกระแสข่าวที่สร้างความสับสนให้แก่นักลงทุนว่าแผนฟื้นแผนการฟื้นฟูกิจการ TPI จัดทำเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแผนฟื้นฟู TPI ดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องเจ้าหนี้ก็ไม่เห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูดังกล่าว

โดยแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งจัดทำโดยบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ และเจพี.มอร์แกนนั้นทางเจ้าหนี้ ได้สรุปกันว่าจะไม่ยอมโหวตผ่านอย่างแน่นอน เนื่องจากแผนดังกล่าวออกมาในลักษณะเชิงวิชาการ ไม่มีใครได้ประโยชน์ทั้งฝั่งเจ้าหนี้และลูกหนี้แม้แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ไม่ได้รับการดูแล โดยแผนฟื้นฟูฉบับดังกล่าวมีแนวทางสำคัญๆ คือ

1)แฮร์คัตหนี้จำนวนหนึ่งจากประมาณ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือประมาณ 1,300 ล้านเหรียญ สหรัฐ โดยยังมีหนี้จำนวนหนึ่งเหลือตั้งทิ้งไว้ทยอยชำระ 2) ลดทุนจดทะเบียนลงเหลือราว 10 สตางค์ เพราะในทางกฎหมายลดเหลือศูนย์ไม่ได้

การลดทุนลงจนเกือบเหลือศูนย์กระทบกับเจ้าหนี้ โดยเฉพาะธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้จะต้องมีการตั้งสำรองที่เกิดจากการลดทุนจำนวนมาก และในการ แก้ปัญหาก็ต้องดูแลผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TPI ด้วย

"ธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ก็จะต้องตั้งสำรองจำนวนมาก ซึ่งกระทบเป็นลูกโซ่เพราะธนาคารกรุงเทพเป็นหุ้นที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยของธนาคารกรุงเทพจำนวนมากที่จะได้รับผลกระทบไปด้วย แผนฟื้นฟูจึงต้องแฟร์กับทุกฝ่ายที่สุด" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหนี้รายใหญ่ไม่ได้กังวลนักกับการแฮร์คัตเพียงแต่ต้องไม่ทำให้รู้สึกว่าสูญเสีย สิ่งที่เจ้าหนี้ห่วงกันคือไม่อยากให้มีภาพนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นผู้บริหาร หรือ มีตัวแทนของนายประชัย เข้าไปนั่งคุมอำนาจใน TPI เจ้าหนี้ทำให้ทุกคนมีความเป็นห่วงการบริหารการเงิน หลังจากแผนฟื้นฟูกิจการผ่านแล้ว

เนื่องจากในการแปลงหนี้เป็นทุนไม่ได้แปลงหมด ยังมีหนี้จำนวนหนึ่งตั้งค้างไว้ทยอยชำระ "ถ้าอนาคตไม่รู้ว่าใครบริหารเจ้าหนี้ย่อมเป็นห่วงเพราะทุกคนไม่ต้องการให้คุณประชัยหรือคนของคุณประชัยเข้ามาคุมอำนาจบริหารแน่ อีกทั้งแผนฟื้นฟูกิจการ TPI หลังลดทุนแล้วก็จะต้องมีการเพิ่มทุนใหม่เข้ามาด้วย"

ที่สำคัญการออกมาต่อต้านแผนฟื้นฟูกิจการของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ถือหุ้นเดิม ทุกรูปแบบทั้งมีการออกแถลงการณ์และมีการแถลงข่าวเป็นระยะ ทำให้เห็นภาพปรากฏชัดเจนว่าหากแผนฟื้นฟูกิจการไม่ได้รับการยินยอมจากทุกฝ่ายย่อมทำให้การแก้ปัญหา TPI ไม่ได้ข้อยุติ

แหล่งข่าวกล่าวว่า ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ TPI ที่เป็นกลางกับทุกฝ่ายออกมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งขณะเจ้าหนี้กำลังเตรียมหาสูตรใหม่ออกมา โดยคณะผู้บริหารแผนทั้ง 5 คนก็จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งสูตรใหม่นี้จะต้องเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและในการแก้ปัญหา TPI ต้องดูแลผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วย

"สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการที่จะมีการแก้ไขปรับปรุงใหม่นั้นแม้ดูเหมือนว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่แต่คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเพียงแต่ปรับให้แผนออกมาเป็นกลางกับทุกคน ก่อนจะเสนอให้เจ้าหนี้โหวตเห็นด้วย ซึ่งแผนหลักๆ ก็ยังต้องมีการลดทุนและเพิ่มทุนและแฮร์คัตหนี้แต่ต้องเป็นไปในลักษณะที่แฟร์กับทุกฝ่ายทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ถือหุ้นรายย่อย"

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า สำหรับบริษัท ปตท. นั้นหลังจากมีข่าวการเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ TPI แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในขณะนี้ ทำให้ทางบริษัท ปตท.กำลังพิจารณากันว่าจะมีการชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯว่าไม่เข้าลงทุนใน TPI



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.