อารียาฟุ้งจองล้น8เท่า


ผู้จัดการรายวัน(23 มีนาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

"ธนชาติ" เผยนักลงทุนสนใจจองหุ้นอารียา พรอพเพอร์ตี้ ล้นหลามเกินกว่าจำนวนเสนอ ขาย โดยนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจสั่งจองมากกว่า 8.2 เท่า ด้าน "ที. กรุงไทยอุตสาหกรรม"เล็งระดมทุน 180-230 ล้านบาท เตรียมกระจายหุ้น ปลายเมษายนหรือต้นพฤษภาคม คาดปีนี้ยอดขายโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 18%

นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาติ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทอารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 78.5 ล้านหุ้นว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวน 45% ของจำนวนที่เสนอ ขาย หรือจำนวนประมาณ 35.3 ล้านหุ้น ได้ให้ความสนใจแสดงความจำนงสั่งจอง ซื้อเข้ามาเกินกว่าจำนวนที่ได้รับการจัดสรรถึง 8.2 เท่า

นางสาวสุวภา กล่าวอีกว่า เหตุที่หุ้นของอารียา พรอพเพอร์ตี้ ได้รับความสนใจอย่างล้น หลาม เนื่องจาก บริษัทมีการเติบโตของกำไรอย่าง ก้าวกระโดดถึง 1,202% จากปี 2545 และคาดว่า จะโตอย่างต่อเนื่องถึง 589% จากปี 2546 บริษัทฯ ยังมีการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยเน้นที่ตั้งที่อยู่ในใจกลางเมือง ห่างจากระบบขนส่งมวลชนหลัก เช่น รถไฟฟ้า ทาง ด่วน ไม่เกินระยะทาง 2 กิโลเมตร มีการใช้เงินในการลงทุนต่ำ ผู้บริหารของบริษัทยังเป็นผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการในแนวบรรษัทภิบาลที่ดีอีกด้วย

บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโครงการขายที่ดินจัด สรรพร้อมบ้าน มีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Areeya Model โดยจะขายที่ดินเปล่าซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทและรับจ้างปลูกสร้างบ้านบนที่ดินในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเน้นเฉพาะทำเลที่ดินในกลางเมืองเท่านั้น

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการขายที่ดินจัดสรรพร้อมบ้านที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 3,354 ล้านบาท ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่กำลังอยู่ในวัยทำงานและทันสมัย มีรายได้ระดับปานกลาง นอกจากนี้ยังมีโครงการรับจ้างสร้างบ้านบนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 4 โครงการ มีมูลค่ารวม 251 ล้านบาท และในปี 2547-2548 บริษัทยังมีนโยบายที่จะเปิดโครงการขายที่ดินจัดสรรพร้อมบ้านใหม่อีก 5 โครงการ มีมูลค่ารวม 4,144 ล้านบาท

ด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเน้น 4 ประเด็นใหญ่ คือ Best Location Differentiation Costomization Value for money โดยมีการขายที่ดินจัดสรรพร้อมบ้าน ซึ่งบ้านที่ขายจะเป็นบ้านสั่งสร้าง โดยบริษัทมีการ ดำเนินกลยุทธ์ในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าจะได้รับที่ดินและบ้านตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา ซึ่งบริษัทจะโอนที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้าก่อนจากนั้นจึงรับจ้างสร้างบ้านให้ลูกค้า

ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวย การฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คาดว่าบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรมจะระดมทุนในการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งนี้จำนวน180-230 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปเพื่อลงทุนในอาคารเครื่องจักรและอุปกรณ์ และชำระคืนเงินกู้บางส่วน จากปัจจุบันที่มีหนี้เงินกู้ระยะยาวจำนวน 96 ล้านบาทและเงินส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียน

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะสามารถรองรับการขยายงานได้ภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่จะใช้เงิน ถ้ามีความจำเป็นบริษัทอาจจะระดมทุนเพิ่มขึ้นอีกหรือใช้วิธีการกู้เงินกับธนาคารพาณิชย์ก็ได้

ทั้งนี้บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรมจะเสนอ ขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 8 ล้านหุ้นมูลค่า ที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 5 บาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถ เสนอขายหุ้นได้ภายในปลายเดือนเมษายนหรือต้นพฤษภาคม การกระจายหุ้นครั้งนี้ทำให้จะมีฟรีโฟลทเกือบ 20% ดังนั้นการกระจายหุ้นนั้นจะต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสมในส่วนของด้านหนี้สินต่อทุนนั้นปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.26 เท่า แต่หลัง จากเสนอขายหุ้นแล้วจะทำให้ลดลงเหลือประ-มาณ 1 เท่าซึ่งบริษัทจะรักษาให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป

นายวรชาติกล่าวว่า หุ้นบริษัทที.กรุงไทยอุตสาหกรรมนั้นจะกำหนดราคาจองโดยใช้วิธีพิจารณาจากพี/อี เรโช และมูลค่าหุ้นตามบัญชี โดยจะไม่ต้องสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบัน(บุ๊กบิลด์)เพราะจำนวนหุ้นที่กระจาย ไม่มากนัก และหุ้นจะเข้าซื้อขายในหมวดยานยนต์

ซึ่งปัจจุบันนี้จะมีค่าพี/อี เรโชอยู่ที่ระดับ 15 เท่าโดยไม่นำหุ้นบริษัทอาปิโก ไฮเทคและบริษัทไทย รุ่งยูเนี่ยนคาร์นั้นมาคำนวณ เพราะทั้ง 2 บริษัทมีค่าพี/อี เรโชที่สูงมาก และจะต้องพิจารณาจาก ค่าพี/อี เรโชของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 12-13 เท่าประกอบด้วย

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรมนั้นประกอบด้วยกลุ่มเตชะไกรศรีถือหุ้น 74.11% ภายหลังเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปจะลดสัดส่วนลงมาเหลือ 57% กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติถือหุ้น 11.25% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 8% และกลุ่มจองธุรกิจถือหุ้น 2.77% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 2.1%

นายโกเวท ลิ้มตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าภายในปีนี้อุตสาหกรรมรถ ยนต์จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 18% โดยในส่วนของบริษัทจะเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตของรถยนต์ เนื่องจากธุรกิจของบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์แล้วยังผลิตชิ้นส่วนพลาสติกในเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย

ส่วนกรณีที่ภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนนั้นนาย โกเวทกล่าวว่า คาดว่าจะไม่กระทบต่อหุ้นที่จะเข้า มาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด เนื่อง จากเชื่อว่าบล.ซีมิโก้ที่ปรึกษาทางการเงินคงจะกำหนดเวลาเข้าซื้อขายในช่วงที่เหมาะสม รวมถึงราคาจองที่จะกำหนดคงจะไม่สูงเกินไปนักและ สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.