"ธนชาติ" เผยนักลงทุนสนใจจองหุ้นอารียา พรอพเพอร์ตี้ ล้นหลามเกินกว่าจำนวนเสนอ
ขาย โดยนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจสั่งจองมากกว่า 8.2 เท่า ด้าน "ที. กรุงไทยอุตสาหกรรม"เล็งระดมทุน
180-230 ล้านบาท เตรียมกระจายหุ้น ปลายเมษายนหรือต้นพฤษภาคม คาดปีนี้ยอดขายโตขึ้นไม่ต่ำกว่า
18%
นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาติ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ
บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทอารียา
พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) จำนวน 78.5 ล้านหุ้นว่า ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวน 45% ของจำนวนที่เสนอ ขาย หรือจำนวนประมาณ
35.3 ล้านหุ้น ได้ให้ความสนใจแสดงความจำนงสั่งจอง ซื้อเข้ามาเกินกว่าจำนวนที่ได้รับการจัดสรรถึง
8.2 เท่า
นางสาวสุวภา กล่าวอีกว่า เหตุที่หุ้นของอารียา พรอพเพอร์ตี้ ได้รับความสนใจอย่างล้น
หลาม เนื่องจาก บริษัทมีการเติบโตของกำไรอย่าง ก้าวกระโดดถึง 1,202% จากปี 2545
และคาดว่า จะโตอย่างต่อเนื่องถึง 589% จากปี 2546 บริษัทฯ ยังมีการสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง
โดยเน้นที่ตั้งที่อยู่ในใจกลางเมือง ห่างจากระบบขนส่งมวลชนหลัก เช่น รถไฟฟ้า ทาง
ด่วน ไม่เกินระยะทาง 2 กิโลเมตร มีการใช้เงินในการลงทุนต่ำ ผู้บริหารของบริษัทยังเป็นผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาเป็นระยะเวลานาน
อีกทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการในแนวบรรษัทภิบาลที่ดีอีกด้วย
บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโครงการขายที่ดินจัด สรรพร้อมบ้าน
มีกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Areeya Model โดยจะขายที่ดินเปล่าซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทและรับจ้างปลูกสร้างบ้านบนที่ดินในโครงการดังกล่าว
ซึ่งจะเน้นเฉพาะทำเลที่ดินในกลางเมืองเท่านั้น
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการขายที่ดินจัดสรรพร้อมบ้านที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 7 โครงการ
มูลค่ารวม 3,354 ล้านบาท ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่กำลังอยู่ในวัยทำงานและทันสมัย
มีรายได้ระดับปานกลาง นอกจากนี้ยังมีโครงการรับจ้างสร้างบ้านบนที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่นที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด
4 โครงการ มีมูลค่ารวม 251 ล้านบาท และในปี 2547-2548 บริษัทยังมีนโยบายที่จะเปิดโครงการขายที่ดินจัดสรรพร้อมบ้านใหม่อีก
5 โครงการ มีมูลค่ารวม 4,144 ล้านบาท
ด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเน้น 4 ประเด็นใหญ่ คือ Best Location
Differentiation Costomization Value for money โดยมีการขายที่ดินจัดสรรพร้อมบ้าน
ซึ่งบ้านที่ขายจะเป็นบ้านสั่งสร้าง โดยบริษัทมีการ ดำเนินกลยุทธ์ในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
ว่าจะได้รับที่ดินและบ้านตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา ซึ่งบริษัทจะโอนที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของลูกค้าก่อนจากนั้นจึงรับจ้างสร้างบ้านให้ลูกค้า
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวย การฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้
จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คาดว่าบริษัท
ที.กรุงไทยอุตสาหกรรมจะระดมทุนในการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งนี้จำนวน180-230
ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปเพื่อลงทุนในอาคารเครื่องจักรและอุปกรณ์ และชำระคืนเงินกู้บางส่วน
จากปัจจุบันที่มีหนี้เงินกู้ระยะยาวจำนวน 96 ล้านบาทและเงินส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุน
หมุนเวียน
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะสามารถรองรับการขยายงานได้ภายในระยะเวลา
2 ปีหลังจากนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นที่จะใช้เงิน ถ้ามีความจำเป็นบริษัทอาจจะระดมทุนเพิ่มขึ้นอีกหรือใช้วิธีการกู้เงินกับธนาคารพาณิชย์ก็ได้
ทั้งนี้บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรมจะเสนอ ขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 8 ล้านหุ้นมูลค่า
ที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 5 บาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถ เสนอขายหุ้นได้ภายในปลายเดือนเมษายนหรือต้นพฤษภาคม
การกระจายหุ้นครั้งนี้ทำให้จะมีฟรีโฟลทเกือบ 20% ดังนั้นการกระจายหุ้นนั้นจะต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสมในส่วนของด้านหนี้สินต่อทุนนั้นปัจจุบันอยู่ที่ระดับ
2.26 เท่า แต่หลัง จากเสนอขายหุ้นแล้วจะทำให้ลดลงเหลือประ-มาณ 1 เท่าซึ่งบริษัทจะรักษาให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป
นายวรชาติกล่าวว่า หุ้นบริษัทที.กรุงไทยอุตสาหกรรมนั้นจะกำหนดราคาจองโดยใช้วิธีพิจารณาจากพี/อี
เรโช และมูลค่าหุ้นตามบัญชี โดยจะไม่ต้องสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบัน(บุ๊กบิลด์)เพราะจำนวนหุ้นที่กระจาย
ไม่มากนัก และหุ้นจะเข้าซื้อขายในหมวดยานยนต์
ซึ่งปัจจุบันนี้จะมีค่าพี/อี เรโชอยู่ที่ระดับ 15 เท่าโดยไม่นำหุ้นบริษัทอาปิโก
ไฮเทคและบริษัทไทย รุ่งยูเนี่ยนคาร์นั้นมาคำนวณ เพราะทั้ง 2 บริษัทมีค่าพี/อี เรโชที่สูงมาก
และจะต้องพิจารณาจาก ค่าพี/อี เรโชของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 12-13 เท่าประกอบด้วย
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรมนั้นประกอบด้วยกลุ่มเตชะไกรศรีถือหุ้น
74.11% ภายหลังเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปจะลดสัดส่วนลงมาเหลือ 57% กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติถือหุ้น
11.25% จะลดสัดส่วนลงเหลือ 8% และกลุ่มจองธุรกิจถือหุ้น 2.77% จะลดสัดส่วนลงเหลือ
2.1%
นายโกเวท ลิ้มตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน)
เปิดเผยว่า คาดว่าภายในปีนี้อุตสาหกรรมรถ ยนต์จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 18% โดยในส่วนของบริษัทจะเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตของรถยนต์
เนื่องจากธุรกิจของบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์แล้วยังผลิตชิ้นส่วนพลาสติกในเครื่องใช้ไฟฟ้า
อุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย
ส่วนกรณีที่ภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนนั้นนาย โกเวทกล่าวว่า คาดว่าจะไม่กระทบต่อหุ้นที่จะเข้า
มาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด เนื่อง จากเชื่อว่าบล.ซีมิโก้ที่ปรึกษาทางการเงินคงจะกำหนดเวลาเข้าซื้อขายในช่วงที่เหมาะสม
รวมถึงราคาจองที่จะกำหนดคงจะไม่สูงเกินไปนักและ สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท