หลังจาก Allianz เข้าถือครองกิจการ Dresdner Bank 21.4% โดยใช้เงื่อนไข 175
เหรียญสหรัฐต่อ 10 หุ้นของ Dresdner Bank
เป็นนวัตกรรมใหม่แห่งวงการการเงินของโลก
การรวมตัวกันของ Allianz ยักษ์ใหญ่ประกันภัยและ Dresdner Bank ธนาคารอันดับ
3 ของเยอรมนี ที่มีมูลค่าตลาดรวม 109 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นรองแค่
Citigroup, AIG และ HSBC กลายเป็นการทำลายเส้นแบ่งอุตสาหกรรมธนาคารและประกันภัยโดยสิ้นเชิง
พวกเราทั้งสองรวมตัวกันเป็นสิ่งท้าทายต่อตลาดการเงินโลก Dr.Henning Schulte-Noelle
แห่ง Allianz บอก
การผนวกกิจการในครั้งนี้ก่อให้เกิด ซูเปอร์มาร์เก็ตการเงิน ที่บริษัทเพียงแห่งเดียวสามารถบริการครบวงจร
ตั้งแต่การประกันรถยนต์ไปจนถึงกองทุนรวม เป็นการบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุโรป
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายได้ทำนายการตัดสินใจของ Allianz ครั้งนี้ว่าเป็นเพราะไม่ต้องการความล้มเหลวในธุรกิจประกันภัย
ความใกล้ชิดของ Dresdner ที่มีต่อ Allianz และ Allianz ก็ไม่อยากเห็นการรวมตัวกันล้มเหลว
ซึ่งพวกเขาใช้เวลาและความพยายามเหลือเกินจนประสบความสำเร็จ Andrew Preston
แห่ง CSFB กล่าว
การรวมตัวกันครั้งนี้เพื่อต้องการเป็นผู้นำด้านบริการทางการเงินในเยอรมนี
โดยทั้งสองจะร่วมกันดำเนินธุรกิจประกันภัย การบริหารสินทรัพย์และผลิตภัณฑ์แบงกิ้ง
พวกเราต้องสร้างสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยการจับมือกันในการทำงานด้านประกันภัยและธนาคาร
Dr.Bernd Fahrholz แห่ง Dresdner Bank ชี้
สิ่งที่น่าขันสำหรับการผนวกกิจการข้ามธุรกิจ คือ ข้อเท็จจริงที่ว่าเยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีสัดส่วนการขายประกันผ่านสาขาของธนาคารต่ำสุดราว
25% เมื่อเทียบฝรั่งเศสและสเปนที่สูง 60%
ที่สำคัญ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าการรวมกิจการครั้งนี้จะจุดชนวนให้เกิดการผนวกกิจการธนาคารและประกันภัยตามมาอีก
สังเกตได้จาก AXA คู่แข่งสำคัญของ Allianz ขายผลิตภัณฑ์ผ่านธนาคาร ตัวแทนขายและทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อธนาคาร
อีกทั้งธนาคารและบริษัทประกันภัยหลายรายยังเชื่อว่า ไม่มีความจำเป็นต้องควบรวมกิจการเพียงเพื่อขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ครอบคลุมมากขึ้น
นักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่า Allianz จะล้มเหลวในการขายผลิตภัณฑ์ของตนเองผ่านสาขาและเครือข่ายของ
Dresdner Bank ในทางกลับกันอาจจะประสบความสำเร็จ ในแง่พนักงานขายที่มีแรงจูงใจจากค่านายหน้าในการขายกองทุนรวมของ
Dresdner Bank ให้กับลูกค้าประกันของตนเอง
ปัจจุบัน Allianz และ Dresdner Bank มีลูกค้ารายย่อยรวมกันมากกว่า 20 ล้านคน
และการผนวกรวมกันของทั้งสองมีความหมายอย่างยิ่ง สำหรับการเพิ่มความแข็งแกร่ง
และช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ โดยล่าสุด Allianz มีตัวแทนขาย 12,000 แห่ง ส่วน
Dresdner Bank มีสาขาถึง 1,200 แห่งในเยอรมนี
การควบกิจการของทั้งสองได้เจริญรอยตาม ING Group และ KBC ที่เป็นผู้บุกเบิกกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เรียกว่า
ธนาคารประกันภัย และประสบความสำเร็จด้วยดี
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์การขายผลิตภัณฑ์การเงินข้ามธุรกิจไม่ได้บอกว่าสำเร็จเสมอไป
เนื่องจากพนักงานธนาคารมักขาดการฝึกฝน และไม่มีความชำนาญในการให้คำอธิบายเรื่องผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและกองทุนบำนาญต่อลูกค้า
อีกทั้งยังขาดแรงจูงใจเรื่องผลตอบแทนในการทำตลาดอย่างที่พนักงานประกันได้รับ