N-PARK มั่นใจเทรดหมวดปกติได้เดือนนี้ หลังดีเลย์มาตั้งแต่ปลายปี 46 เหตุ ก.ล.ต.ย้อนกลับให้ลงรายละเอียดในงบการเงิน ผลจากการใช้จ่ายเงินเพื่อการลงทุนมีสูง สวนทางกับการดำเนินงานที่แม้จะมีกำไรให้เห็นแต่ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ เผยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อทำธุรกิจร่วมกัน คาดต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน)(N-PARK) เปิดเผยว่า ภายหลังการปรับโครงสร้างหนี้แล้วเสร็จ บริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้และผลการดำเนินงานมีกำไรติดต่อกัน 3 ไตรมาส ซึ่งถูกต้องในหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทได้ยื่นเรื่องการขอย้ายหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากกลุ่มรีแฮบโก (REHABCO) เพื่อกลับเข้าไปซื้อขายในหมวดปกติคือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้รับเรื่องกลับคืนมาว่า ในงบการเงินหรือทางบัญชีของบริษัทพบว่า ผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้มาจากผลการดำเนินงานที่แท้จริง ขณะที่การใช้เงินในการลงทุนต่างๆ ยังมีสูง ซึ่งขัดแย้งกันในทางบัญชี ทำให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งเรื่องกลับมา เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในงบการเงินของบริษัท

นายเสริมสินกล่าวว่า เขาเองก็ไม่เข้าใจในหลักการของตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่าใดนัก แต่ก็พยายามที่จะทำให้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อที่บริษัทจะสามารถรุกในการลงทุนทำธุรกิจตามแผนที่ตั้งไว้ ซึ่งได้ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำเสนอแก้ไขในเรื่องดังกล่าวส่งกลับไปพร้อมคำชี้แจงรายละเอียดแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับมั่นใจว่าการขอย้ายกลับเข้าไปเทรดในหมวดปกติน่าจะทำได้ภายในเดือนมีนาคมนี้

เมื่อปลายปีที่ผ่านมา หุ้น N-PARK มีแรงซื้อ เข้ามาอย่างหนาแน่น เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าหุ้นดังกล่าวจะย้ายจากหมวดรีแฮบโก เข้าไปซื้อขายในหมวดปกติ ทำให้ราคาหุ้นพุ่งไปที่ 7.75 บาท ก่อนจะค่อยๆ อ่อนตัวลงมาเรื่อยๆ หลังจากเรื่องดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากยังไม่มีบทสรุป จากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ออกมาว่าจะอนุมัติให้ย้ายเทรดหมวดปกติหรือไม่จนกระทั่งปัจจุบัน

นายเสริมสินกล่าวว่า ขณะนี้ N-PARK อยู่ใน ระหว่างการดีลกับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อที่จะทำธุรกิจร่วมกัน แต่ยังไม่สรุปผลในเวลานี้คาดว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะขณะที่ดึง เลอโนทŽ ร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสเพื่อมาเปิดให้บริการในโครงการแต่ละแห่งของ N-PARK ที่มีอยู่ในไทยทั้งหมด หลังจากที่เปิดทางให้กลุ่มแอคคอร์ บริษัทชั้นนำจากยุโรป และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดที่ดำเนินธุรกิจด้านการโรงแรม การท่องเที่ยว และบริการสำหรับองค์กร เข้ามาบริหารโรงแรมโซฟิเทลที่สุขุมวิท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มูลค่า 2,600 ล้านบาท ถือเป็นพันธมิตรที่จะทำให้กิจการของบริษัทเดินไปได้อย่างมั่นคง

นายเสริมสิน กล่าวถึงกรณีการขายหุ้นบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพฯ จำกัด (BMCL) โดยการเจรจาการซื้อขายนั้น ขณะนี้ได้ให้กลุ่มบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) เป็นฝ่ายที่ดีลกับรัฐเพื่อตกลง ในราคาและเงื่อนไข ซึ่งต้องได้ราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม แต่จะขายหุ้นหมดทั้งจำนวนหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน

ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวออกมาว่า รัฐต้องการ ที่จะซื้อหุ้น BMCL คืนราคาหุ้นละ 300 บาท หากเป็นเช่นนั้นจริง จะทำให้ N-PARK มีรายได้จากการ ขายหุ้นดังกล่าวที่มีอยู่ในมือทั้งสิ้น 776.25 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการจำหน่ายหุ้นประมาณ 2.6 พันล้านบาท จากจำนวนหุ้นที่ถืออยู่

ทั้งนี้ N-PARK นั้น ถือหุ้น BMCL ทางตรงเท่ากับ 16,799,474 หุ้น หรือ 24.71% และทางอ้อมโดยผ่าน บริษัท สยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ( SYNTEC ) อีกประมาณ 862,500 หุ้นหรือ 1.27% รวมแล้ว N-PARK จะถือหุ้น BMCL เท่ากับ 17,661,974 หุ้นหรือ 25.97% โดยหุ้นที่อยู่ในมือของ N-PARK และ SYNTEC นั้น เป็นการซื้อหุ้น BMCL จาก บริษัท ฉันทวี เมนตัน จำกัด ในราคาหุ้นละ 150 บาท

นายเสริมสินกล่าวถึงการเข้าลงทุนซื้อหุ้นใน บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือ BMCL สัดส่วน 24.71% ใช้เงินลงทุน 2,519.92 ล้านบาท ว่าจะได้รับผลตอบแทนในการลงทุนมากกว่า 15% จากช่วงเวลา ที่รับสัมปทานจากภาครัฐ 25 ปี ขณะที่ประมาณรายได้ว่าจะขาดทุนในปีแรกและเท่าทุนในปีที่ 2 และปีที่ 3 จะมีกำไรจากการดำเนินงานเกือบ 500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ เพราะอย่างน้อยที่สุด เป้าหมายและกติกาการลงทุนของ N-PARK ที่ตั้งมั่น คือ การลงทุนในธุรกิจใดก็ตามต้องเป็นธุรกิจที่ดีและมีอนาคต มีผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และมีความสามารถ ที่สำคัญราคาที่จะขายต้องรับได้