ปิคนิคแก๊สฯพร้อมรับเสรี LPG โดยตั้งบริษัทย่อยในสิงคโปร์ เพื่อรับรู้ข้อมูลเพื่อนำเข้าก๊าซฯและเร่งขยายร้านค้า-คลังเก็บก๊าซฯเพิ่ม เพื่อรองรับตลาดที่ขยายตัว ยอมรับเหล็กขาดแคลนฉุดการก่อสร้างคลังเลื่อนออกไป แต่หาทางออกโดยเจรจาเรื่องคลังกับไทยออยล์และบางจากฯไว้แล้ว เชื่อหากเปิดเสรีก๊าซฯขยับขึ้นทันที 3 บาทต่อกิโลกรัม เผยเป้าปีนี้มียอดขายก๊าซฯในประเทศ 2.3 หมื่นตันต่อเดือน จากเดิมที่มียอดขาย 1.89 หมื่นตัน และยอดขาย ที่เวียดนามอีก 4 พันตันต่อเดือน
นายธีรัชชานนท์ ลาภวิสุทธิสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิคแก๊ส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง
จำกัด (มหาชน) (PICNI) เปิดเผยถึงผลกระทบหากรัฐจะเปิดเสรีก๊าซหุงต้ม (LPG) ในช่วงเมษายนนี้ว่า
จะส่งผลกระทบระยะสั้น โดยราคา LPG จะปรับเพิ่มขึ้นกก.ละ 3 บาท ซึ่งบริษัทได้มีการ
เตรียมพร้อมรองรับการเปิดเสรี LPG โดยสำรองเงินไว้สำหรับซื้อ LPG เพิ่มขึ้นหากราคา
LPG ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งบริษัทได้ตั้งบริษัทย่อยในสิงคโปร์ เพื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้ทันสถานการณ์ในการนำเข้า
LPG หาก ราคานำเข้าบวกค่าขนส่งต่ำกว่าราคา LPG ในโรงแยกก๊าซฯและโรงกลั่น
รวมทั้ง บริษัทมีแผนจะซื้อเรือบรรทุกก๊าซฯจากปัจจุบันที่เช่าอยู่ โดย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาถึงข้อดี-ข้อเสีย
ประหยัดต้นทุนและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยหากมีการซื้อเรือน่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทมีการ
ก่อสร้างคลังเก็บก๊าซฯเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขยายร้านปิคนิค แก๊ส เพิ่มขึ้นในปีนี้เป็น 500 ร้าน จากเดิม
380 ร้าน และในปีถัดไป จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 พันร้าน รวมทั้งเน้นการให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
เพื่อก้าวสู่ความเป็น Leader Retailer ขณะเดียวกันก็จะขยายคลังเก็บ LPG เพิ่มเติม
เพื่อลดต้นทุน การเช่าคลัง โดยจะเปิดคลังแห่งใหม่ที่สมุทรสงครามในช่วงตุลาคมนี้
หลังจากนั้นจะเริ่มก่อสร้างคลังเก็บก๊าซฯที่สุราษฎร์ธานี 500 ตัน และส่วนขยาย คลังเก็บก๊าซฯที่ลำปางในปลายปี
2547 จากเดิม 200 ตันเป็น 800 ตัน โดยใน ปีถัดไปจะสร้างคลังเพิ่มเติมอีก2 แห่งที่นครสวรรค์
และขอนแก่น
"หลังเปิดเสรีก๊าซ LPG หากมีคลังก๊าซฯมาก ก็จะช่วยประหยัดต้นทุน แต่เจอปัญหาเหล็กขาดตลาด
ทำให้ไม่มีเหล็กในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ จึงต้องเลื่อนการก่อสร้างคลังแห่งใหม่ไปเป็นปลายปีแทน
ส่วนคลังก๊าซฯที่สมุทรสงครามนั้นไม่มีปัญหา เพราะได้มีการก่อสร้างไปแล้ว 60% โดยในส่วนของคลัง
บริษัทได้มีการเจรจากับไทยออยล์และบางจากไว้แล้ว"
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2547 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย LPG ทั้งในและต่างประเทศประมาณ
2.7 หมื่นตัน/เดือน แบ่งเป็นปริมาณการขายใน ประเทศ 2.3 หมื่นตัน/เดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เฉลี่ยเดือนละ
1.89 หมื่นตัน และปริมาณการขายก๊าซฯที่เวียดนาม 4 พันตัน/เดือน รวมทั้งตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด
LPG จากเดิม 8% เพิ่มขึ้นเป็น 10% ต่ำกว่าเป้าหมาย เดิมที่ตั้งไว้ 12% ส่วนธุรกิจด้านวิศวกรรมของปิคนิคฯปีนี้จะรับรู้รายได้
1.49 พันล้านบาทจากโครงการที่ก่อสร้างในปีที่แล้วมูลค่ารวม 2 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นจาก
10% เป็น 30% ของรายได้ทั้งหมดในปีนี้ โดยไตรมาส แรก บริษัทจะรับรู้รายได้กว่า
300 ล้านบาท
"สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมารายได้จากก๊าซฯจะมีสัดส่วน 90% และรายได้จากวิศวกรรม
10% แต่ ในปีนี้คาดว่ารายได้จากงานวิศวกรรม จะเพิ่มเป็น 30% เนื่องจากปีที่แล้วงานด้านวิศวกรรมมีรายได้ต่ำ
ส่วนแผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศนอกเหนือจากเวียดนามนั้น ขณะนี้อยู่ ระหว่างศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบทั้งที่อินโดนีเซีย
กัมพูชา และศรีลังกา ก่อน ตัดสินใจ โดยมีจุดมุ่งหมายเป็นผู้นำก๊าซ LPG ขนาดถัง
4 กิโลกรัม" นายธีรัชชานนท์กล่าว
นางอ้อยทิพย์ ชลธิชานันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค แก๊ส แอนด์
เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5
พันล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซฯ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการขายหุ้น
เพิ่มทุนเมื่อปีที่แล้ว และได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นที่จะออกหุ้นกู้วงเงิน 3.4
พันล้านบาทเพื่อใช้ในการชำระหนี้และใช้ในการขยายงาน โดยอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกออกในจังหวะที่เหมาะสม
เนื่องจากการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซฯต้องเลื่อนไปเป็นปลายปีนี้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อน