N-PARK ดึงพันธมิตรจากฝรั่งเศสต่อยอดธุรกิจ โดยให้ "แอคคอร์" บริษัทชั้นนำที่ให้บริการด้านโรงแรมเข้าบริหารโรงแรม "โซฟิเทล สุขุมวิท" โครงการใหม่มูลค่า 2,600 ล้านบาท มั่นใจทำเงินเข้ากลุ่มสูงและจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 16% พร้อมทั้ง "เลอโนท" ผู้นำธุรกิจอาหารและบริการที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสเข้ามาเปิดบริการ ในไทย เผยกำลังเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศอีกหลายราย
นายเสริมสิน สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด(มหาชน) (N-PARK)
เปิดเผยว่า บริษัทลงทุนในต่างประเทศ เพราะต้องการเพิ่มลูกค้าให้กับบริษัท และต้องมีการขยายธุรกิจอยู่ตลอดเวลา
และเป็นธุรกิจเดิมหรือต่อเนื่องต่อธุรกิจที่ดำเนินการอยู่
ขณะนี้ บริษัทได้ร่วมกับ บริษัทสยามซินเท็ค คอนสตรั๊คชั่น จำกัด (มหาชน) (Syntec)
พัฒนาโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว บนย่านทำเลทองริมถนนสุขุมวิท ระหว่างซอย 13 และ 15 โดยมีมูลค่าโครงการกว่า
2,600 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ โซฟิเทล สุขุมวิท โดยได้ดึงกลุ่มแอคคอร์ เอเชีย แปซิฟิค
จากประเทศฝรั่งเศส เข้ามาบริหารงานเพื่อให้บริการแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ประมาณกลางปี 49
นายเสริมสินกล่าวว่า การลงทุนดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรและในทุกตลาดที่น่าสนใจ
และได้แบ่งสัดส่วนโครงสร้างรายได้ออกเป็น 2 ส่วน คือรายได้จากการขาย 40% และรายได้จากการขาย
60% ซึ่งจากธุรกิจโรงแรมจะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอทุกปี
โดยบริษัทคาดว่า รายได้จากห้องพักและบริการในปีแรกประมาณ 388 ล้านบาท และในปีถัดไปจะเพิ่มเป็น
544 ล้านบาท และ 615 ล้านบาทในปีที่ 3 และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานใน
3 ปีแรกประมาณ 99 ล้านบาท 146 ล้านบาทและ 170 ล้านบาทตามลำดับ
ขณะเดียวกัน N-PARK ได้ดึงกลุ่ม แอคคอร์ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านการบริหารโรงแรมอย่างมืออาชีพ
จึงมั่นใจว่าจะทำให้ โรงแรมโฟซิเทล สุขุมวิท มีความได้เปรียบในด้านการดึงดูด ลูกค้าย่านสุขุมวิทแน่นอน
"ผมเชื่อมั่นว่าการลงทุนในธุรกิจโรงแรมจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ส่งเสริมต่อการเดินทางทั้งในรูปการทำธุรกิจ
และการท่องเที่ยว รวมทั้งนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น"
นายเสริมสินกล่าวว่า นอกจากนี้แล้ว N-PARK ยังเตรียมที่จะเปิดให้บริการร้านอาหารภายใต้ชื่อ
เลอโนท (LeNotre) ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารและการบริการที่มีชื่อเสียง และเก่าแก่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส
มาให้บริการกับลูกค้าคนไทยในโครงการ แนเชอรัล วิลล์ เอ็กเซ็กคิวซิพ เรสซิเดนส์
ซึ่งเป็นเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ระดับหรูในซอยหลังสวน
โดยเลอโนท เป็นกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและให้บริการจัดเลี้ยงที่มีประสบการณ์อย่างมืออาชีพมากว่า
50 ปี ที่ก่อตั้งโดย Mr.Gaston LeNotre ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านศิลปะการทำอาหารและขนมของฝรั่งเศส
และได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มแอคคอร์ ปัจจุบันเลอโนทได้ขยายการให้บริการหลายแขนง ทั้งร้านอาหาร
เบเกอรี่ การบริการจัดเลี้ยง โรงเรียนสอนทำอาหาร เป็นต้น และเลอโนทมีชื่อเสียงมานาน
ซึ่งได้รับการเลือก ให้ดำเนินการจัดเลี้ยงปีละไม่น้อยกว่า 6,500 งาน โดยเฉพาะงานที่ยิ่งใหญ่
เช่น การประชุมอียู ซัมมิต งานฟุตบอลโลก ฟรองซ์ 98 เป็นต้น
นายเสริมสินกล่าวว่า การมาเปิดสาขาของเลอโนท ที่แนเชอรัล วิลล์ ของเลอโนท ถือเป็น
แห่งแรกในเมืองไทย โดยจะให้บริการด้านอาหาร และเบเกอรี่ และจะขยายไปสู่อาคารต่างๆ
ของกลุ่มแนเชอรัล พาร์ค ในอนาคต ซึ่งอาจให้บริการในรูปแบบร้านอาหารหรือคาเฟ่ ขึ้นอยู่กับทำเลและความเหมาะสมของแต่ละโครงการ
และคาดว่าจะ เปิด อีก 6 สาขาภายในปี 49 โดยจะเริ่มขยายออกสู่โรงแรมต่างๆ ของกลุ่มบริษัทในปีเดียวกัน
ซึ่งในปีแรกรายได้ของเลอโนทคาดว่าจะมีประมาณ 40 ล้าน
การหาพาร์ตเนอร์ในการดำเนินงาน เป็นส่วนหนึ่งที่เกื้อหนุนต่อการทำธุรกิจ เพราะ
N-PARK มีธุรกิจในเครือเรียกได้ว่าครบวงจรของการดำเนินชีวิต ทั้ง บริษัท แสนสิริ
จำกัด (มหาชน) บริษัท แปซิฟิค แอสเซท จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามซินเท็ค คอนสตรั๊คชั่น
จำกัด (มหาชน) (Syntec) และบริษัทรถไฟฟ้ามหานคร (Bmcl) ซึ่ง N-PARK มีธุรกิจครบวงจรในการให้บริการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
และในอนาคต N-PARK ยังมีแผนที่จะดึงพันธมิตรใหม่ๆ จากสหรัฐฯและอังกฤษเข้ามาทำธุรกิจร่วมกันอีกด้วยแต่จะเป็นลักษณะใดนั้นยังไม่เปิดเผยในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม N-PARK ยังเน้นการลงทุนในโครงการที่กรุงเทพฯ และภูเก็ต เป็นหลัก ซึ่งติดอันดับ
1 ใน 10 ด้านการท่องเที่ยว
โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างโครงการ โรงแรมที่สมุย โรงแรมเซไต ที่ภูเก็ต
โครงการสยาม เซอร์วิส อพาร์ตเม้นท์ โรงแรมเชดี ที่เชียงใหม่ และโรงแรมโซฟิเทล เหล่านี้คือโครงการที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง
จากที่มีอยู่แล้วจาก 3 โรงแรม ซึ่งตาม N-PARK ได้ซื้อกิจการมา คือ โซฟิเทล สีลม
เลอเมอริดียน ภูเก็ต บีช รีสอร์ท และเลอ รอยัล เมอริเดียน ยอร์ชคลับ และเลอ รอยัล
เมอริเดียน บ้านตลิ่งงาม
นายเสริมสินกล่าวว่า การที่ N-PARK เลือกให้ โซฟิเทล เข้ามาบริหารโรงแรมให้นั้น
เพราะมีหลักประกันที่สำคัญว่า จะบริหารให้โรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท มีรายได้ไม่ต่ำกว่า
156 ล้านบาทต่อปีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้ในช่วง 11 ปีแรกไม่ต่ำกว่า
156 ล้านบาทต่อปี และหลัง ปีที่ 12 จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัท
ที่จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการนี้ ประมาณ 16%
สำหรับการซื้อหุ้น BMCL คืนของรัฐนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป โดยการเจรจาเรื่องราคาหุ้นนั้น
จะผ่านทาง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ซึ่งหากได้ราคาที่ตรงใจบริษัทต้องมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะขายหรือไม่
และต้องได้ราคาที่เหมาะสมกับความต้องการด้วย