ยักษ์ใหญ่เกรย์มาร์เกต"เอส.อี.ซี."เล็งเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจที่รถยนต์นำเข้าอิสระระดับหรูหราจะได้รับอานิสงส์โดยตรง
แต่ยังอุบไต๋แผนดำเนินงานไว้มิดชิด เผยเพียงเตรียมลงทุนขยายศูนย์บริการทั่วประเทศ
และนำเข้ารถใหม่อีก 5 รุ่น พร้อมดอดส่งรถยนต์ในเครือสัญชาติเกาหลี"ซังยอง"ร่วมชิงเค้กก้อนโต
ในโครงการประมูล รถลีมูซีน รองรับผู้ถือบัตร"อีลิทการ์ด"ของททท. แม้จะยังไม่สรุปผล
แต่งานนี้มั่นใจถึงกับรวมยอดขายไว้ในเป้าหมายปีนี้แล้ว
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ กรรมการบริหาร บริษัท เอส.อี.ซี. เอ็กซ์คลูซีฟ จำกัด
ผู้นำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปอิสระ หรือเกรย์มาร์เกต และประธานบริหาร บริษัท ซังยอง
ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า สภาวะเศรษฐกิจไทยขณะนี้กำลังเติบโตไปได้ดี ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการค้า-ลงทุน การใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงการดำเนินงานอย่างจริงจังของรัฐบาล
สิ่งเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อภาพรวมของตลาดรถยนต์ไทยมาก โดยเอส.อี.ซี.ตั้งเป้าหมายการขายปีนี้ไว้
1,200 คัน
"เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และการดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์
เอส.อี.ซี.กำลังสนใจที่จะเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษารายละเอียดต่างๆ
อยู่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เมื่อทุกอย่างสรุปชัดเจนจะมีการแจ้งอย่างเป็นทางการทันที"
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในปีนี้ของเอส.อี.ซี. จะมุ่งขยายศูนย์บริการมากขึ้น เพื่อรองรับฐานลูกค้ากว่า
8,000 คัน จากปัจจุบันที่มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 5 แห่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมด
โดยศูนย์บริการและโชว์รูมที่จะขยาย เพิ่ม จะเน้นไปที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาจังหวัดใหญ่ๆ
อย่างภาคตะวันออก ที่พัทยา จ.ชลบุรี หรือภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นต้น
นายสมพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของรถยนต์รุ่นใหม่ ปีนี้คาดว่าจะเปิดตัวอีกประมาณ 5
รุ่น แต่จะเน้นหนักไปที่ช่วงไตรมาสสามเป็นต้นไป โดยรถยนต์ใหม่จะเน้นไปที่รถสัญชาติญี่ปุ่นเป็นหลัก
เนื่องจากปัจจุบันรถยนต์ยุโรปกำลังประสบปัญหาค่าเงินยูโรแข็งมาก ทำให้มีต้นทุนสูงและส่งผลต่อราคาขายปลีก
ช่วงนี้จึงชะลอการ ทำตลาดรถยุโรปไปก่อน ดังนั้นสัดส่วนการขาย ของรถญี่ปุ่นปีนี้จะเพิ่มเป็น
90% จากเดิม 70-80%
สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจะเน้นการ ทำกิจกรรม และเปิดตัวรถเวอร์ชันพิเศษ
โดยล่าสุดได้แนะนำรถยนต์ 4 รุ่นมาตกแต่งใหม่ใน เวอร์ชัน มาสเตอร์ ซีรี่ส์ และผลิตจำนวนจำกัด
เพียงรุ่นละ 50 คันเท่านั้น ได้แก่ แฮริเออร์ มาสเตอร์ ซีรี่ส์,เอสติมา มาสเตอร์
ซีรี่ส์,โอดิสซี มาสเตอร์ ซีรี่ส์ และอัลพาร์ด มาสเตอร์ ซีรี่ส์
โดยทุกรุ่นได้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ออกแบบพิเศษรวมมูลค่ากว่า 2.5 แสนบาท อาทิ ติดตั้งไฟที่กาบบันไดข้าง
เบาะนวดไฟฟ้า ระบบมัลติมีเดีย สามารถเล่น DVD และจอทีวีขนาด 10 นิ้ว สามารถพับเก็บได้
พิเศษติดแผ่นเพลตสลัก ชื่อ-นามสกุลของลูกค้า พร้อมมอบพวงกุญแจฝังเพชรมูลค่ากว่า
30,000 บาท แต่ราคารถแทบจะไม่ปรับขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของง่ายขึ้น
จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยดาวน์เริ่มต้นเพียง 350,000 บาท อัตราดอกเบี้ย
0% นาน 30 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
ส่วนความเคลื่อนไหวของรถยนต์ยี่ห้อ ซังยอง ซึ่งเอส.อี.ซี.เอ็กซ์คลูซีฟ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
และเปิดดำเนินงานไปเมื่อช่วงปลายไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา นายสมพงษ์เปิดเผยว่า ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ซังยองในไทยไว้ประมาณ
1,000 คัน ซึ่งไม่ถือว่าสูงนักแม้จะเพิ่งเริ่มดำเนิน การเต็มรูปแบบเป็นปีแรกก็ตาม
เพราะหากดูความคุ้มค่าและราคาของรถแล้ว ยังมีโอกาสที่จะเติบโตมากกว่านี้อีก
ทั้งนี้ ในจำนวนเป้าหมายการขายทั้งหมด แบ่งเป็นรถยนต์เอสยูวี ซังยอง เร็กซ์ตัน
ประมาณ 600 คัน และอีกประมาณ 200 คัน จะเป็นรถยนต์นั่งระดับหรูหรา ซังยอง แชร์แมน
ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงานมอเตอร์เอกซ์โปปลายปีที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวช่วงครึ่งหลังของปีนี้
"ซังยอง แชร์แมน 200 คัน เป็นประมาณการที่รวมยอดรถลีมูซีน 100 คัน ซึ่งซังยองประเทศไทยได้ส่งเข้ารวมประมูลรถที่จะใช้รองรับและบริการผู้ที่ถือบัตรอีลิทการ์ด
ซึ่งเป็นบัตรสิทธิประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท."
อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมประมูลรถที่ใช้สำหรับผู้ถือบัตรอีลิทการ์ด ยังไม่ได้สรุปผลการคัดเลือก
คาดว่าจะชัดเจนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดสอบรถยนต์แต่ละยี่ห้อว่าเหมาะสมกับคุณสมบัติที่กำหนดไว้หรือไม่
ซึ่งทางซังยองประเทศไทยมั่นใจมาก เพราะรถลีมูซีน ซังยอง CM600L เป็นรถระดับหรูหราที่เพียบพร้อมในการบริการนักธุรกิจผู้ถือบัตรอีลิทการ์ด
แต่จำหน่ายในตลาดราคาเพียง 4.65 ล้านบาท หากเทียบกับรถยี่ห้ออื่นในระดับเดียวกันแล้ว
ล้วนมีราคาสูงกว่ามาก นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบ และทำให้ซังยอง มั่นใจอย่างมากว่าจะได้รับการพิจารณา