ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง เตรียมเพิ่มทุนอีก 533 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อโรงงานน้ำยางข้นที่สงขลา
และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หวังเพิ่มศักยภาพการผลิต โดยจัดสรรขาย หุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน
1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาท รวมทั้งรองรับการใช้สิทธิวอร์แรนต์ที่จะออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมและพนักงานตามโครงการ
ESOP
นายอนันต์ เจษฎาวิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง
จำกัด (มหาชน)(STHAI)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรม การฯได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก
260 ล้านบาท เป็น 793 ล้านบาท โดย ออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 533 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ
1.00 บาท รวม 533,000,000 บาท
โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 260 ล้านหุ้น สัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ
1 หุ้นใหม่ ในราคา 1 บาทต่อหุ้น กำหนดจองซื้อและชำระค่าหุ้น 24-28 พฤษภาคม 2547
และหุ้น ที่เหลือจัดสรรไว้รองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ
(วอร์แรนต์) ของบริษัท ต่อผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 260 ล้านหน่วย โดยบริษัทมีมติเอกฉันท์ให้ฟรีวอร์แรนต์ดังกล่าว
แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่มีราย ชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันปิดสมุด
ทะเบียนพักการโอนหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ อายุวอร์แรนต์ 5 ปี ราคาการใช้สิทธิ
2 บาทต่อ 1 หุ้นสามัญรวมทั้ง จัดสรรหุ้นที่เหลือไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทต่อกรรมการและพนักงาน
(โครงการ ESOP) จำนวน 13 ล้านหน่วย เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทและ/หรือบุคคลที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจพิจารณากำหนด
รายละเอียด และเงื่อนไขอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ระยะเวลาการจองซื้อ การชำระเงินค่าหุ้น
เป็นต้น ตลอดจนการเข้าเจรจาตกลงลงนามในเอกสารหรือสัญญาต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการต่างๆอันจำเป็นและสมควรอื่นเกี่ยวเนื่องกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนนี้ด้วย
นายอนันต์ กล่าวต่อไปว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้นำไปซื้อโรงงานน้ำยางข้นของ บริษัท
ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) ที่อำเภอ บางกล่ำ จังหวัดสงขลา ในราคาไม่เกิน 200
ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ซึ่งการตัดสินใจซื้อโรงงานน้ำยางข้นดังกล่าว
เพื่อลดต้นทุนในการสั่งซื้อวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจะนำวาระการเพิ่มทุนดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีผู้ถือหุ้น
ครั้งที่ 1/2547 ในวันที่ เมษายน 2547 รวมทั้ง กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นตั้งแต่วันที่
30 มีนาคม 2547 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุม ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทฯ โอนทุนสำรองตาม
กฎหมายและทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้นสามัญ รวมทั้งสิ้น 40.15 ล้านบาท มาหักชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 จำนวนทั้งสิ้น 19,286,224 บาท ตามมาตรา 119 พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด
พ.ศ.2535 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2544
อนึ่ง การชดเชยผลขาดทุนสะสมดังกล่าวข้างต้น จะไม่มีผลให้จำนวนรวมของผู้ถือหุ้นและเงินกองทุนของบริษัทฯเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด