แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เดินหน้าพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับ 2-3 ล้านก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีสำเร็จรูป
PC (Precast Concret System) ช่วยลดเวลาก่อสร้าง เพิ่มรอบการขายให้เร็วขึ้น แม้ว่าจะมีต้นทุนก่อสร้างสูงขึ้นเฉลี่ย
5-20% ต่อยูนิต หวังส่วนแบ่งตลาด 25% จากตลาดนี้ ที่มีมูลค่ารวม 9,000 ล้านบาทในปี
47 คาดว่าตลาดขยับเป็น 13,000 ล้านบาทในปี 49
นายเฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากการสำรวจสินค้ากลุ่ม บ้านเดี่ยวระดับ 2-3 ล้านบาท พบว่าในตลาดโดยรวมยังมีจำนวนไม่มากนัก
หรือหากมีก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งหมด ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของตลาดกลุ่มนี้กลับมีสูง
และถือว่าเป็นกลุ่มกำลังซื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของตลาด ส่งผลต่อแนวทางการพัฒนาสินค้าของบริษัทที่หันมาพิจารณาถึงสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
พร้อมกับนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูป PC (Precast Concrete System) ที่พัฒนาโดย แลนด์แอนด์เฮ้าส์
กับบริษัท กรีธา แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์สูงในการก่อสร้างระบบสำเร็จรูป
PC
การทำงานก่อสร้างและพัฒนา บ้าน ระดับ 2-3 ล้านบาทสำหรับปี 47 จะเริ่มใน 2 โครงการ
ประกอบด้วย โครงการพฤกษ์ลดา รังสิตคลอง 4 และพฤกษ์ลดา เพชรเกษม-พุทธมณฑล มูลค่าโครงการรวม
3,200 ล้านบาท จะเปิดขายได้ราวกลางปี 2547
ในปี 46 การพัฒนาสินค้าโดย รวมของกลุ่มจะอยู่ที่ระดับ 3-10 ล้านบาท เฉลี่ยราคาขายต่อหน่วย
5.5 ล้านบาทต่อหน่วย และมีการพัฒนาบ้านในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยศักยภาพของกำลังซื้อ
ในตลาดระดับ 2-3 ล้านมีสูง และมีเทคโนโลยีการก่อสร้างในระบบสำเร็จรูปจะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาสินค้าให้เร็วขึ้นได้
เฉลี่ยก่อสร้างประมาณ 4 เดือนต่อบ้าน 1 หลัง ขณะที่การก่อสร้าง ระบบเดิมจะใช้เวลา
6-8 เดือนเท่านั้น
จุดเด่นของนำระบบก่อสร้างสำเร็จรูป PC มาใช้ อยู่ที่การลดระยะเวลาก่อสร้างได้เร็วกว่าระบบก่อสร้างปกติทั่วไป
เพราะมีขั้นตอน การทำงานไม่ซับซ้อนและมีความแม่นยำในการทำงานมากกว่า ทำให้ สามารถก่อสร้างได้เสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
ซึ่งจะช่วยให้บริษัท สามารถเพิ่มรอบการขายได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ดีต้นทุนของระบบก่อสร้าง
สำเร็จรูปนี้จะมีสูงกว่าปกติ ประมาณ 5-20%
รูปแบบการก่อสร้างระบบสำเร็จรูป PC ดังกล่าว แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับทางกลุ่ม
เพราะเคยมีการนำมาใช้ในการ ก่อสร้างโครงการตั้งแต่ปี 2534 คิด เป็น 8 โครงการ อาทิ
บ้านสวนธน- บุรีรมย์ ศรีนครินทร์ รัตนาธิเบศร์ และรัชดาภิเษก โครงการกรีน พ้อยท์
ประชาชื่น และทาวน์เฮ้าส์อีก 3 โครงการ คือ สิรารมย์ บางบัวทอง สิรารมย์ รังสิต
และพาร์ค แกลลอรี่ ศรีนครินทร์
โดยระบบการก่อสร้างสำเร็จ รูป PC (Precast Concrete System) เป็นระบบเทคโนโลยีการ
ก่อสร้างที่พัฒนาในประเทศญี่ปุ่น และเป็นระบบโครงสร้างผนังรับน้ำหนัก (Wall Bearing
System) โดยวิธีการก่อสร้างบ้านจะนำองค์ประกอบที่เป็นพื้น ผนัง ซึ่งได้รับการ ผลิตหรือทำสำเร็จรูปจากโรงงานตามที่ออกแบบไว้ก่อนหน้านี้มาประกอบเป็นตัวบ้านในพื้นที่ก่อ
สร้าง จากนั้นจึงตกแต่งรายละเอียด งานทั้งหมด
"กำลังการผลิตบ้านในระบบเทคโนโลยีก่อสร้างสำเร็จรูป สามารถรองรับการทำงานในแต่ละสถานการณ์ตลาดได้
โดยปี 47 คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จ 300 ยูนิต หากในอนาคตผู้บริโภคตอบรับระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมากขึ้น
และตลาดมีการเติบโต สามารถลงทุนในส่วนของเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อรับการผลิต
ได้ในอนาคต เฉพาะ 3 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนในระบบนี้แล้วประมาณ 100 ล้านบาท"
สำหรับแผนงานในอนาคตบริษัทจะพัฒนาบ้านเดี่ยวในระบบสร้างเสร็จก่อนขาย ระดับราคา
2-3 ล้านบาท ในอีก 6 ทำเล ประกอบ ด้วย กรุงเทพฯ ตอนเหนือในโซนรังสิต นครนายก, กรุงเทพฯ
ตะวันตกเฉียงเหนือ โซนวงแหวน บางใหญ่, กรุงเทพฯ ตะวันตก โซน ปิ่นเกล้า เพชรเกษม,
กรุงเทพฯ ตอนใต้ โซน พระราม 2 บางขุน เทียน, กรุงเทพฯ ตะวันออก โซนอ่อนนุช บางนา
เทพารักษ์ และกรุงเทพฯ ตะวันออกเฉียงเหนือ ในโซนรามอินทรา สุวินทวงศ์
ส่วนแผนการผลิต ในปี 47 จะก่อสร้างแล้วเสร็จ 300 หน่วย ใน 2 โครงการ, ปี 48 จะก่อสร้างได้
800-1,000 หน่วย ใน 3-4 โครงการ และปี 49 จะก่อสร้างแล้วเสร็จ 1,200-1,500 หน่วย
ใน 4-5 โครงการ เฉลี่ยแล้วบริษัทจะมีความ สามารถในการก่อสร้างโครงการละ 200-300
หน่วยต่อปี คาดว่าจะมีปริมาณสินค้าสู่ตลาด เป็นสัดส่วน 25% ของตลาดบ้านระดับ 2-3
ล้านบาทโดยรวม 9,000 ล้านบาทในปี 47