สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) เตรียมระดมทุน 1.6 พันล้านบาทอีก 2 เดือน ผ่านการออกหุ้นกู้
หรือวอร์แรนต์ เพื่อขยายธุรกิจ และรีไฟแนนซ์หนี้กับแบงก์กรุงไทย ขณะที่บริษัทลูก
สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) มีแผนจะจับมือกับ บจ.พันธมิตรธุรกิจ 1-2 เดือนข้างหน้า เพื่อหาโอกาสทำธุรกิจใหม่
ๆ และขยายฐานธุรกิจเดิม โตต่อเนื่อง
นายนิคิล อาเทล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
(SAMART) เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนจะระดมทุนประมาณ 1.6 พันล้านบาท ขณะนี้ กำลังศึกษาว่าจะออกหุ้นกู้
หรือออกวอร์แรนต์ ทั้งนี้ บริษัทยืนยันว่า ไม่ใช่ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนแน่นอน โดยจะได้ข้อสรุปภายใน
60 วันข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะใช้เงินทุนดังกล่าว ขยายธุรกิจ และปรับโครงสร้างการเงิน
(รีไฟแนนซ์) กับธนาคารกรุงไทย
สำหรับแผนชำระคืนหนี้ ภายในปีนี้ บริษัทจะชำระคืนหนี้ 285 ล้านบาท จาก มูลหนี้
2.2 พันล้านบาท คาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถล้างขาดทุนสะสม ณ สิ้นปี 2546 จำนวน
629 ล้านบาท ได้ทั้งหมด เงินที่จะล้างขาดทุนสะสม จะมาจากกำไรจากการดำเนินการของบริษัท
และรายได้บริษัทลูก หลังจากนั้น บริษัทจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นต่อไป
ด้านนายธวัชชัย วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART)
กล่าวว่าภาพรวม บริษัทเติบโตในเกณฑ์ดี บริษัทลูกอย่าง สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)
(SIM) ก็ขยายตัวทางธุรกิจดีมาก คาดว่าปีนี้ SIM น่าจะมีรายได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ไม่รวมการลงทุนต่างประเทศ ที่บริษัทคาดว่าการลงทุนส่วนนี้ปีนี้ จะทำรายได้มากกว่า
1 พันล้านบาท โดยจะเติบโต จากการให้บริการข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ (content) ที่มีจุดแข็ง
คือสามารถใช้ได้กับโทร.มือถือทุกค่าย
SIM มีแผนจะจับมือกับพันธมิตรธุรกิจ 1-2 เดือนข้างหน้า เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เพื่อหาโอกาสทำธุรกิจใหม่ ๆ และขยายฐานธุรกิจเดิม ให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับเงินทุนขยายธุรกิจ SIM นายธวัชชัยกล่าวว่า บริษัทจะไม่เพิ่มทุน เนื่องจากกระแสเงินสดในมือมีมาก
หลังจากนำหุ้นจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ และระดมทุนได้ถึง 1.2 พันล้านบาท
นางสาวปิยะฉัตร รัตนสุวรรณ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่าราคาเป้าหมาย
SIM ปีนี้ 31 บาท เนื่องจากอัตราเติบโตธุรกิจให้บริการข้อมูลผ่านโทร.มือถือ ช่วง
5 ปีที่ผ่านมา สูงถึง 80% ต่อปี จึงเป็นหุ้นอีกตัวที่น่าสนใจลงทุน
สำหรับบริษัทแม่ คือ SAMART จะยังพยายามมองลู่ทางลงทุนธุรกิจใหม่ๆ โดยเน้นลงทุนเพิ่มมูลค่าเพิ่มมากกว่าที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ที่ต้องใช้เงินลงทุนมาก หากบริษัทลูกขยายตัวสูง บริษัทแม่จะได้ประโยชน์ จากการเติบโตของบริษัทลูก
ด้วย