บีอีซี-เทโร เคาะช่วงราคาจองเบื้องต้นที่หุ้นละ 8-9 บาทเสนอขายหุ้นในวันที่ 30-31
มีนาคมนี้ และเข้าเทรดวันที่ 8 เมษายนนี้ ขณะที่บล.ธนชาติเป็นที่ปรึกษาทางการเงินดันนิตยสารจีเอ็ม-บริษัทไทย
พลาสแพ็คแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ คาดกระจายหุ้นได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซทพลัส จำกัด (มหาชน)
ในฐานะที่ปรึกษาทาง การเงินหุ้นบริษัทบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ได้กำหนดช่วง
ราคาที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปในระดับหุ้นละ 8-9 บาทซึ่งจะทำการสำรวจความต้องการซื้อจากนักลงทุนสถาบัน
(บุ๊กบิ๊ว) เสียก่อน หลังจากนั้นจึงจะสามารถ สรุปราคาได้ภายในวันที่ 29 มีนาคมนี้
และเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในวันที่ 30-31 มีนาคม และคาดว่าหุ้นจะเข้ามาซื้อขายในตลาด
หลักทรัพย์ได้ภายในวันที่ 8 เมษายนนี้
บริษัทบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาทเรียกชำระแล้ว
200ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 1 บาท ซึ่งบริษัทจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน
50 ล้านหุ้นคิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว เงินที่ได้จากการระดมทุนนี้จะนำไปชำระหนี้เงินกู้จากบริษัทแม่และสถาบันการเงิน
รวมถึงนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและนำมาใช้ในการขยายธุรกิจ
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทบีอีซี-เทโร จะมีบริษัทบีอีซี เวิลด์ ถือหุ้น
59.99% รองลงมาได้แก่นายไบรอัน แอล มาร์การ์ ถือหุ้น 36.25% ส่วนที่เหลือคนตระกูลมาลีนนท์ได้แก่นางสาววัลลิภา,
นางสาวปิยวดีและนายประพันธ์พงศ์ ถือหุ้นคนละ 1.25% ซึ่งบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า
50% ของกำไรของกลุ่มบริษัท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2545 มีรายได้จำนวน 722.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 39.2
ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2546 มีรายได้รวม 563.5 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ
38.8 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการขาดทุนในธุรกิจภาพยนตร์จำนวน 43.3 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่าบริษัทผู้ผลิตนิตยสารจีเอ็ม ได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์
ธนชาติเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนที่จะยื่นข้อมูลเพื่อขอเสนอขายหุ้น(ไฟลิ่ง)ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปได้ภายในไตรมาส
2 ของปีนี้
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทผู้ผลิตนิตยสารจีเอ็มสนใจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
เพราะบริษัทมีความต้องการที่จะขยายธุรกิจโดยเฉพาะการเพิ่มหัวหนังสือใหม่ เพื่อขยายตลาดให้กว้างมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บล.ธนชาติยังได้รับการเต่งตั้งจากบริษัทไทยพลาสแพ็คให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI)โดยบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตฝาพลาสติกที่มีการผลิตซับซ้อนและมีมูลค่าสูง
ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่คือบริษัทโมเดอร์ฟอร์มที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประมาณ 60%ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน
40 ล้านบาทและจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกครั้งเมื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่
ทั้งนี้คาดว่าบริษัทไทยพลาสแพ็คจะกระจายหุ้นประมาณ 20% ของทุนจดทะเบียน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรองบการเงินไตรมาสแรกของปี
2547 ซึ่งคาดว่าจะสามารถยื่นแบบไฟลิ่งได้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ซึ่งถ้าเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่สำนักงาน
ก.ล.ต.พิจารณาจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนดังนั้นหุ้นจะสามารถเสนอขายได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่าขณะนี้บล.ธนชาติได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ
20 บริษัท แต่จะสามารถนำหุ้นเข้าซื้อขายได้ภายในปีนี้ประมาณ 10 บริษัทซึ่งจะทำให้ได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน
สำหรับบริษัทที่แต่งตั้งบล.ธนชาติเป็นที่ปรึกษา ทางการเงินประกอบด้วยบริษัทแมงป่อง,บริษัทอารียา
พรอพเพอร์ตี้ที่ยื่นแบบไฟลิ่งไปแล้วส่วนที่เหลือที่อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูลประกอบด้วยบริษัทวังทอง
กรุ๊ป, บริษัทเวิร์ค พอยท์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์,บริษัทเจมาร์ท นอกจากนี้ บล.ธนชาติยังเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นบริษัทซีเอสล็อกซอินโฟร่วมกับบล.ดีบีเอส
วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)