แผ่นดินทองลุยโครงการเต็มที่ หวังเป้ารายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 6,000 ล้านบาท
ฟุ้งกำไรก่อนหักภาษี 1,000 ล้านบาท พร้อมเปิดอีก 2 โครงการต้นปี 48 เล็งจ่ายเงินปันผลหลังงดจ่ายมา
5 ปี พร้อมศึกษาออกพันธบัตรเกือบ 2,000 ล้านบาทสิ้นปีนี้ หวังรีไฟแนนซ์หนี้สถาบันการเงิน
นายธงชัย คุณากรปรมัตถ์ กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่าย พัฒนาธุรกิจ บริษัทแผ่นดินทอง
พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) (GOLD)กล่าวว่า ใน ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ
5,000 ล้านบาท มาจากการประมาณการยอดขายของบ้านเดี่ยวที่คาดว่าจะมียอดขาย 6,000
ล้านบาท และรับรู้รายได้ในปีนี้ได้ 4,000 ล้านบาท และเป็นรายได้จากค่าเช่าตึก อพาร์ตเมนต์ของบริษัทอีก
1,000 ล้าน บาท ทำให้กำไรก่อนหักภาษีของบริษัทในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2546
ที่มีกำไร 505 ล้านบาท เป็น 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100%
ในปีนี้บริษัทมีโครงการบ้านเดี่ยวที่จะเปิดใหม่ 5 โครงการ มีมูลค่าโครงการหากรวมกับโครงการบ้านศรีนครินทร์
ที่แยกมาพัฒนาออกเป็น 2 เฟส เท่ากับ 24,000 ล้านบาท โดยแยกการขายออกเป็นโครงการบ้านสาทร
2,000 ล้านบาท,บ้านปิ่นเกล้า 2,000 ล้านบาท บ้านศรีนครินทร์เฟสแรก 1,500 ล้านบาทและบ้านบางนา
500 ล้านบาท ส่วนกำไร(Gross profit margin) ของบริษัทในปีนี้จะสามารถรักษาอัตราเติบโตได้ระดับ
40% เนื่องจาก ที่ดินที่ใช้พัฒนาโครงการของบริษัทมีต้นทุนที่ต่ำกว่า โดยเฉพาะด้านที่ดิน
ที่บริษัทมีที่ดินเกือบ 1,300 ไร่ สามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้ยาวถึง 5-7 ปี
"ในช่วง 2-3 ปีนี้บริษัทไม่มีแผนการที่จะเพิ่มทุน เพราะเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมาก
และบริษัทมีที่ดินเกือบ 1,300 ไร่ หรือคิดเป็นมูลค่า 30,000 ล้านบาท ที่เราทยอยซื้อเข้ามาในช่วงที่ผ่านมา
ทำให้สามารถสร้างบ้านได้อีกมาก และกำไรที่ได้ทำให้สามารถบริหารการลงทุนได้เพิ่มขึ้น"
นายธงชัย กล่าว
ในส่วนนโยบายการจ่ายเงิน ปันผล นายธงชัย กล่าวว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลในผลประกอบการปี
2547 แต่จะเป็นเท่าไรขึ้นกับนโยบาย ของผู้ถือหุ้นและผลกระทบ โดยจะมีการประชุมในเดือนเม.ย.นี้
แต่สำหรับนโยบายในอดีตจะจ่ายในสัดส่วนประมาณ 30% ของกำไรของบริษัท ซึ่งในรอบ 5
ปีที่ผ่านมาบริษัทไม่มีการจ่ายเงินปันผลมาเลย
สำหรับแผนการออกพันธบัตรนายธงชัย กล่าวว่า ในตามแผนที่วางไว้จะเริ่มในช่วงปลายปีนี้
และวงเงินที่จะออกระดมทุน 1,500-2,000 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนและเกือบ 60-70% นำไปชำระหนี้จากสถาบันการ
เงินที่กู้มาพัฒนาโครงการประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท
"การระดมทุนช่วงนี้ไม่เหมาะเพราะดอกเบี้ยในตลาดแพงเกินไป และการออกบอนด์เพื่อรองรับพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนปีหน้า
อายุ 3 ปี"
นายธงชัย กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทมีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ในการพัฒนาบ้านเดี่ยว
ซึ่งอยู่ในย่านปิ่นเกล้า สาทร บางนา-ตราด และศรีนครินทร์ และโครงการอื่นที่กำลังอยู่ระหว่างการ
พิจารณา เช่น เนื้อที่ริมหาด 106 ไร่ที่จังหวัดกระบี่ และโครงการหรูเหนือ ระดับ
โบโล เรสซิเดนซ์ ใกล้ถนนวิทยุ ซึ่งหากโครงการทั้งสองบรรลุวัตถุ-ประสงค์ในอีก 5-7
ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทมีแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวอีก
2 โครงการและจะทำให้มูลค่าโครงการที่บริษัทบริหารอยู่เพิ่มเป็น 27,000 ล้านบาท
นายเลียแค็ท สุลต่าน แดนจี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่าในปี 2546 บริษัทมีรายได้รวม
2,415.185 ล้านบาท เทียบกับปี 2545 มีรายได้รวม 1,573.711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.74%
มีรายได้สุทธิก่อนการหักภาษีจากการดำเนินงาน 505.27 คิดเป็น 335% เมื่อเทียบกับปี
2545 และมีกำไรสุทธิก่อนการหักภาษี 505 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 100%
เมื่อเทียบกับปี 2545 ซึ่งมีผลประกอบการ 252 ล้านบาท
กำไรในปีนี้ต่างกับปีก่อนหน้านี้ ที่ผลกำไรก่อนหักภาษีครึ่งหนึ่ง มาจากการปรับโครงสร้างหนี้
ซึ่งผลสำเร็จมาจากการที่โครงการบ้านเดี่ยวมีการฟื้นตัวขึ้น และการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในย่านศูนย์กลาง
ธุรกิจ และจากปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จากที่อยู่อาศัยในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ผ่านโครงการเดอะ
แอสคอท สาทร คอนโดมิเนียมระดับ 5 ดาว ซึ่งมีการเปิดให้จองในช่วงพรีเซลล์ และมีโครงการคอนโดมิเนียมโครงการที่
2 จะออกสู่ตลาดในปีนี้ ประกอบกับมีการนำระบบการอนุมัติ วงเงินกู้สำหรับการซื้อบ้านก่อนทำสัญญา
และการใช้บัญชี ESCROW มาใช้เป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นตลาดและสร้างความมั่นใจต่อผู้ลงทุน
และผู้บริโภค
นายธงชัย กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ปริมาณบ้านเดี่ยวที่ออกสู่ตลาดปีละ
70,000-80,000 หน่วย ยังไม่ถึงขั้นวิตก หากเทียบกับช่วงที่มีสินค้าออกสู่ตลาดปีละ
160,000 หน่วย ตรงนี้จะเรียกได้ว่าอันตราย และแนวโน้มของตลาด ผู้ประกอบการได้หันมาเล่นบ้านเดี่ยวระดับกลางและล่างเพิ่มมาก
ขึ้น