BTยกชั้นบริการครบวงจร


ผู้จัดการรายวัน(3 มีนาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ไทยธนาคาร ประกาศยกชั้นเป็นยูนิเวอร์แซล แบงกิ้ง หลังผ่านมรสุมแผนแม่บทหลุดกรอบควบรวมกิจการ เดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายย่อย หวังเพิ่มสัดส่วนรายย่อย 50% จากฐานลูกค้าเดิมเป็นรายใหญ่ทั้งหมด พร้อมตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีนี้ 16,000 ล้านบาท ย้ำชัดแบงก์แข็งแกร่งอยู่ได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุนและหาพันธมิตร

นายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในการให้บริการครั้งใหญ่ จากเดิมให้บริการลูกค้าธุรกิจ หรือโฮลเซลแบงกิ้ง เป็นยูนิเวอร์แซลแบงก์ หรือธนาคารพาณิชย์ที่ให้บริการเต็มรูปแบบ โดยมีการเปิดให้บริการลูกค้ารายย่อย ได้แก่ สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อที่อยู่อาศัย

โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะขยายสินเชื่อโดยรวมเพิ่มขึ้นสุทธิ 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อลูกค้า รายใหญ่ กับรายย่อยในสัดส่วน 50 ต่อ 50 และจะทำให้ฐานสินเชื่อรายย่อยเพิ่ม 40% จากฐานสินเชื่อรายย่อยที่มีอยู่ 5,000-6,000 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ซึ่งธนาคารมีแผนผลักดันให้พอร์ตสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในสิ้นปีนี้ ณ ปัจจุบันธนาคารมีสินทรัพย์ 260,000 ล้านบาท

ในปีที่ผ่านมาธนาคารได้ตั้งใจจะเปิดให้บริการลูกค้ารายย่อย แต่ก็ติดปัญหาเนื่องจากมีข่าวเกี่ยวกับการควบรวม ทำให้แผนการให้บริการรายย่อยต้องชะงักลงไปด้วย แต่ขณะนี้ทั้งแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังมีความชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการควบรวม ธนาคารจึงเดินหน้าแผนธุรกิจต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารไม่เปิดให้บริการสินเชื่อรายย่อยตั้งแต่แรกของการตั้งธนาคารไทยธนาคาร เกิดจากระบบคอมพิวเตอร์ยังไม่มีความพร้อม และยังต้องอบรมพนักงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการ

"ปัญหาที่ผ่านมาของธนาคารค่อนข้างเยอะเนื่องจากไทยธนาคารมีชาติกำเนิดที่ไม่ดี มีหนี้สินเต็มตัว และทางการก็จ่ายค่าชดเชยรายได้จากการรับจ้างบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ หรือยิวแมนแทนแนนต์ ปีละ 400 ล้านบาท ล่าช้า ทำให้กำไรของธนาคารหายไป ขณะที่ธนาคารมีต้นทุนเงินฝากที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน แต่ขณะนี้ฟ้าได้เริ่มสว่างขึ้นเพราะหนี้ที่รับจ้างบริหารจะครบกำหนด ในปีหน้า และขณะนี้ก็มีหนี้สินบางส่วนเริ่มคิดเกณฑ์แบ่งปันผลกำไรจากการบริหาร ซึ่งธนาคารมีรายได้ในส่วนนี้มากกว่าที่ต้องจ่ายให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน" กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว

นายพีรศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการเป็นยูนิเวอร์-แซลแบงก์ ส่วนหนึ่งนั้นก็เพื่อที่จะรุกสู่ระดับรากหญ้า และเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของธนาคารให้ต่ำกว่าในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็ต้องบริหารรายได้และรายจ่ายให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยรายจ่ายหลักของธนาคารคือต้นทุนทางการเงิน ถ้าปล่อยกู้มากธนาคารก็ต้องมีภาระในเรื่องของการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม แต่สูตรของการเป็นยูนิเวอร์แซลแบงก์นั้นต้องมีสาขาและมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยี รวมทั้งบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว

ส่วนเรื่องพันธมิตรทางธุรกิจนั้น ก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายราย ซึ่งธนาคารจะเปิดโอกาส ให้ผู้สนใจที่เป็นทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วย แต่ในรายละเอียดต่างๆ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ แต่คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้

นายพีรศิลป์กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารได้ปรับ รูปลักษณ์สาขาของธนาคารใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายใหม่ของธนาคาร ภายใต้แนวคิดแบงก์ไทยโมเดิลบรานซ์ ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้มีการปรับปรุงเสร็จแล้วทั่วประเทศ 86 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล 60 สาขา และในต่างจังหวัด 26 สาขา และในปีนี้มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 12 สาขา



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.