BAFS เตรียมเซ็นสัญญากู้เงินจากธนาคารกรุงเทพอีก 2,000 ล้านบาทต้นเดือนนี้ เพื่อสร้างคลังน้ำมัน
1,700 ล้านบาท และกันเงิน 300 ล้านบาท ซื้อน้ำมันสำรอง เผยมีแผนที่จะลงทุนในบริษัท
JP-ONE 300 ล้านบาท โดยเข้าถือหุ้นประมาณ 50% ส่วนการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิหากเสร็จล่าช้าเจรจายืดหยุ่นหนี้กับเจ้าหนี้
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ
โดยได้เซ็นสัญญากู้เงินระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย จำนวน 800 ล้านบาท ไปเมื่อเร็วๆ
นี้ และในช่วงต้นเดือนมีนาคม บริษัทจะเซ็นสัญญากู้เงินจากธนาคารกรุงเทพอีก 2,000
ล้านบาท โดยเงินที่กู้ยืมมาจากธนาคารกรุงเทพ บริษัทจะนำมาสร้างคลังน้ำมันจำนวน
1,700 ล้านบาท อีก 300 ล้านบาท นำมาซื้อน้ำมันสำรอง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนในบริษัท JP-ONE จำกัด จำนวน 300 ล้านบาท
โดยจะเข้าไปถือหุ้นประมาณ 50% ซึ่งบริษัท JP-ONE มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 600 ล้านบาทโดยจะทำการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทและเรียกชำระเงินระดมทุนในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ซึ่งบริษัทนี้จะทำธุรกิจคล้ายกับบริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ในระหว่างรอดูความคืบหน้าในการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิว่าจะเปิดใช้ได้ทันภายในวันที่
29 กันยายน 48 หรือไม่หากเปิดใช้ได้ทันบริษัทก็จะย้ายถังน้ำมันจำนวน 3 ถังเก่าจากสนามบินดอนเมืองที่มีทั้งหมด
8 ถัง คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 5 เดือน ซึ่งขณะนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิบริษัทอยู่ระหว่างการสร้างถังน้ำมันจำนวน
4 ถังซึ่งบรรจุน้ำมันได้ถังละ 15 ล้านลิตร
อย่างไรก็ตาม บริษัทหากสนามบินเสร็จไม่ทันตามกำหนด บริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงไว้
โดยการเจรจากับเจ้าหนี้ไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าหากสนามบินสุวรรณภูมิ มีกำหนดการเปิดให้บริการ
ล่าช้าออกไปอีก 1 ปี ทางบริษัทก็จะสามารถเจรจายืดหยุ่นกับทางเจ้าหนี้ได้ แต่ถ้าล่าช้ากว่านี้คาดว่าจะสร้างความเสียหายให้กับทางบริษัท
โดยทางสนามบินจะต้องแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าก่อน 6 เดือน
"ถ้าทางภาครัฐมั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในวันที่ 29 กันยายน 48 บริษัทก็เชื่อมั่นในประสิทธิภาพในการบริหารงานของทางภาค
รัฐเช่นกัน อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้บริษัทมีการประเมินความเสี่ยงไว้ในกรณีที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เลื่อนระยะเวลาออกไปด้วยเช่นกัน และบริษัทก็ยังไม่ได้ย้ายถังน้ำมันเข้าไปในสนามบิน
เพราะต้องการให้ทางภาครัฐยืนยันมาว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะสามารถเปิดใช้ได้ในวันที่
29 กันยายน 48" ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าว
ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าวว่า ภายในปีนี้ บริษัทคาดว่าปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานจะโตประมาณ
6% จากปี 46 ที่ปริมาณ การให้บริการฯ อยู่ที่ 3,493.93 ล้านลิตร ในขณะที่รายได้รวมในปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ
6% บนสมมติฐานว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในปัจจุบันบริษัทกำลังศึกษาหาวิธีป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงิน
ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 47 บริษัทจะมี การปรับค่าบริการเพิ่มขึ้น ประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่สถานการณ์ไข้หวัดนกเกิดการแพร่ระบาดนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดดังกล่าว โดยช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาปริมาณการให้บริการฯ โตประมาณ 5%