ฝรั่งทุบหุ้นไทยอีกระลอก คราวนี้ถึงคิว เมอร์ริล ลินช์ วาณิชธนากรยักษ์ใหญ่จากแดนมะกัน
ประกาศลดน้ำหนักการลงทุน หลังวอร์เบิร์กเพิ่งทุบหุ้นไปหมาดๆ ส่งผลตลาดหุ้นไทย
ปิดรูดกว่า 11 จุด หวิดหลุด 700 จุดอีกรอบ วงการชี้ต่างชาติความเชื่อมั่นหด หลังดีลแลกหุ้น
BANPU-RATCH-EGCOMP ล้ม แถมแผนแปรรูป กฟผ.ส่อเค้าเลื่อน แนวโน้มวันนี้ จับตาการชุมนุมใหญ่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ
41 แห่ง กว่า 3 หมื่นคน หากวุ่นวาย อาจทำขาใหญ่-แมลงเม่าตื่นขายอีกรอบ
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (1 มี.ค.) ดัชนีผันผวน เคลื่อนไหวแดนบวกสลับแดนลบ
มีแรงเทขายหนักกลุ่มไฟแนนซ์ อสังหาริมทรัพย์ และเคมีภัณฑ์ โดยดัชนีปิด 705.25 จุด
ลดลง 11.05 จุด ลด 1.54% มูลค่าซื้อขายรวม 20,194.14 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ
778.53 ล้านบาท แต่กองทุนรวมในประเทศขายสุทธิ 317.44 ล้านบาท
นายสาธิต วรรณศิลปิน ผู้จัดการฝ่ายวิจัยในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน (CNS)
กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงวานนี้ เนื่องจากการปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยของบริษัทหลักทรัพย์
เมอร์ริล ลินช์ จากสหรัฐฯ ส่งผลนักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ
กลับมาซื้อสุทธิหลังจากก่อนหน้านี้ ขายสุทธิต่อเนื่อง หลังจาก ยูบีเอส วอร์เบิร์ก
วาณิชธนากรสวิส-อเมริกันยักษ์ใหญ่อีกราย ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาแล้ว
ช่วงนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นลำบาก เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ ประกอบกับการออกมาตรการลดเก็งกำไรต่างๆ
ของ ก.ล.ต.ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน รวมทั้งบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทย
เพราะมีตลาดหุ้นอื่นน่าสนใจกว่า ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะตลาดหุ้นไทยร้อนแรงมากปีก่อน
แต่นักลงทุนไทยอ่อนไหวกับข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ค่อนข้างซบเซา
อย่างไรก็ตาม หากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า 700 จุด คาดจะมีแรงซื้อกลับ
"ช่วงนี้ หากหวังซื้อขายเทรดดิ้งระยะสั้นคงยากหน่อย เพราะตลาดฯ ค่อนข้างผันผวน
แต่หากมองในแง่ของหุ้นพื้นฐานแล้ว ยังน่าสนใจอยู่มาก โดยเฉพาะบริษัทที่มีการประกาศจ่ายเงินปันผล
ซึ่งในปีนี้ มีการจ่ายปันผลค่อนข้างดี ดังนั้น นักลงทุนควรรอบคอบ และใช้ความระมัดระวังในการลงทุน"
นายสาธิตกล่าว
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (2 มี.ค.) คาดว่าตลาดหุ้นยังซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจที่จะกลับเข้าลงทุน
ส่วนการชุมนุมของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ 41 แห่งวันนี้ หากเกิดความวุ่นวาย จนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
อาจส่งผลกระทบความเคลื่อนไหวของตลาดฯ แต่เขาคาดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง
ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น จะเกิดเฉพาะหุ้นพลังงานบางตัว เช่น บ้านปู (BANPU) ผลิตไฟฟ้า
(EGCOMP) ผลิตไฟฟ้าราชบุรี (RATCH) ที่ทำธุรกรรมเกี่ยวเนื่องกับ กฟผ.เท่านั้น
ด้านนางสาวอรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย
กล่าวว่าตลาดหุ้นไทย ที่ลดลงวานนี้ เนื่องจากเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทย
ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้น ฉุดดัชนีลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเทขายของนักลงทุน จะเป็นเพียงระยะสั้น
เพราะปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไม่เปลี่ยนแปลง ยังดีอยู่ นอกจากนี้ นักลงทุนต่างประเทศ
สามารถย้ายการลงทุนไปประเทศต่างๆ ที่เห็นว่าราคาหุ้นยังต่ำอยู่ได้
ส่วนปัจจัยประท้วงพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) คาดว่าจะมีผลกระทบในแง่นักลงทุนต่างประเทศ
ที่เห็นว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องการนำ กฟผ.เข้าตลาดหุ้น จึงอาจชะลอการลงทุน จนทำให้มูลค่าซื้อขายโดยรวมลดลง
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 ก.พ.) คาดว่าดัชนีคงจะปรับฐานช่วงแคบๆ แต่คาดว่าจะไม่
หลุดแนวรับ 700 จุด ยกเว้นหากการประท้วง มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนแนวต้าน 710 จุด
ถ้าผ่านแนวต้านนี้ ต่อไปจะอยู่ที่ 722 จุด
วานนี้ บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริล ลินช์ ประกาศลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทย (market
weight) จากการเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (overweight) โดยระบุว่า บริษัทแทบมองไม่เห็นโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมอร์ริล ลินช์ ยังคงสนใจลงทุนหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) บ้านปู สยามแม็คโคร
(MAKRO) แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (ADVANC) และทีทีแอนด์ที (TT&T)
ขณะเดียวกัน เมอร์ริล ลินช์ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นมาเลเซีย (overweight)
โดยระบุว่า แนวโน้มขยายตัวทางเศรษฐกิจมาเลเซีย สอดรับกับมูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูดใจ
และปัจจัยหนุนจากผลกำไรที่สูงมากกลุ่มบริษัททุนจดทะเบียนขนาดกลาง ก่อนหน้านี้ บล.ยูบีเอส
วอร์เบิร์กปรับลดน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยมาก่อนแล้ว
แหล่งข่าววงการหลักทรัพย์ กล่าวว่าสาเหตุที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติออกบทวิเคราะห์ปรับลดน้ำหนักลงทุนตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องช่วงนี้
เนื่องจากกระทบจากการลดความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทย หลังจากดีลแลกหุ้นระหว่าง กฟผ.
และบ้านปู ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งที่บริษัทต่างชาติเหล่านี้ แนะนำลูกค้าซื้อหุ้นเหล่านี้
โดยเฉพาะ BANPU ดักล่วงหน้าแล้ว
โดย พ.ย. ปี 2546 บริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติ ทั้ง เมอร์ริล ลินช์ วอร์เบิร์ก และเครดิต
ลียองเนส์ (CLSA) นำตลาดหุ้นไทยเสนอข้อมูล ต่อนักลงทุนต่างชาติ (โรดโชว์) โดยชูเรื่องดีลแลกหุ้นดังกล่าวเป็นหลัก
รวมทั้งการแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ กฟผ. ซึ่งเมื่อล้มดีล และ กฟผ.ก็ส่อแววว่าต้องเลื่อนแผนแปรรูป
หลังจากถูกต่อต้านจากพนักงาน กฟผ. ส่งผลนักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าหากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่ำกว่า 700 จุด จะมีแรงซื้อต่างชาติกลับอีกครั้ง
เนื่องจากโดยพื้นฐาน ตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจลงทุนอยู่