AISจับมือแกรมมี่เสริมธุรกิจ


ผู้จัดการรายวัน(27 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เอไอเอสผนึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ผสานความแกร่งระหว่างเทคโนโลยีมือถือกับคอนเทนต์ด้านบันเทิง สร้างมิติใหม่ในโลกธุรกิจ เปลี่ยนรูปแบบของโลกบันเทิงและการใช้วิถีชีวิตคน ซึ่งเป็น "New Way of Life" หวังแชร์ส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจคอนเทนต์บนมือถือที่ประเมินว่าปีนี้จะมีมูลค่าถึง 10,000 ล้านบาท

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในไทยขณะนี้ เปิดเผยว่า เอไอเอสได้ร่วมกับผู้ให้บริการและพัฒนาเนื้อหาหรือคอนเทนต์ด้านความบันเทิงอันหนึ่งของไทยอย่างบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพื่อสร้างสีสันใหม่ในการใช้ชีวิตของคนไทย ซึ่งถือว่าเป็น New Way of Life

การร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอในรูปแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ ที่นอกจากจะได้รับความบันเทิงจากบริการที่เลือกเองแล้ว ยังสามารถร่วมสนุกกับผู้ใช้บริการรายอื่นได้แบบทันทีที่ต้องการด้วย

ความร่วมมือของเอไอเอสและจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่คือกลยุทธ์ Win Win ที่ผสมผสานความแข็งแกร่งของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดบริการที่หลากหลายผ่านเครือข่ายไร้สายอัจฉริยะ (High Speed Intelligent Network) ของเอไอเอส

นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ รองผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า การร่วมระหว่างเอไอเอสกับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ครั้งนี้ จะเป็นการเปลี่ยนโลกธุรกิจ เปลี่ยนโลกบันเทิงจริง ๆ เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมือถือกับคอนเทนต์ด้านบันเทิงมาผสมผสานเข้าด้วยกันเป็นผลสำเร็จ เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในโลก ที่มีผู้ให้บริการหลายรายพยายามทำในเรื่องนี้

การให้บริการลักษณะนี้ เอไอเอสเคยทดลองเปิดให้บริการ Calling Melody ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าภายในหนึ่งเดือนจะมีคนใช้ประมาณแสนรายก็จะถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ลองให้บริการ ปรากฏว่ามีคนใช้ถึง 1 ล้านราย จนทำให้เครือข่ายล่ม ต้องชะลอการให้บริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถหรือคาปาซิตี้ในการรองรับก่อน

จากการร่วมมือดังกล่าวนอกจากเป็น New Way of Life แล้ว ที่สำคัญจะเป็นการสร้างรายได้ สร้างยอดขายจากมูลค่าของคอนเทนต์บนมือถือในรอบปีนี้ที่ประเมินกันไว้ที่ 10,000 ล้านบาท

"เอไอเอสกำลังตอบโจทย์ตลาด เพราะตัวนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคทั้งหมดในเรื่องของบันเทิงและการสื่อสาร ซึ่งเราเชื่อว่าผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นคือเดิมประชากรห้าคนเป็นลูกค้าเอไอเอสหนึ่งคน มาเป็นประชากรห้าคนเป็นลูกค้าเอไอเอสหรือแกรมมี่สองคน"

นายกฤษณันกล่าว่า ทุกอย่างเป็นการตอบสนองความต้องการผู้บริโภค เช่น ผู้ใช้มือถือสามารถขอลายเซ็นศิลปินแล้วเอาเข้าไปไว้ในมือถือ หรือสามารถเล่นเกมกับศิลปินที่ชื่นชอบได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ซึ่งจะทำให้มีคนใช้จีพีอาร์เอส และแอปพลิเคชั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ก็จะสามารถขายซีดีผ่านฐานลูกค้ากว่า 13 ล้านรายของเอไอเอสได้ด้วย

ด้านนางบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน 3 ด้านคือ 1.เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ หรือ New Way of Life in Wireless Society ให้กับกลุ่มเป้าหมาย และกลุ่มลูกค้าเอไอเอส 2.บริการที่แกรมมี่มีซึ่งพัฒนาร่วมกับเอไอเอส นอกจากจะมีความพิเศษตามแบบของแกรมมี่แล้ว ยังถูกเลือกสรรและเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะกับเอไอเอสเท่านั้น 3.เป็นการขยายฐานทางธุรกิจให้เติบโตไปในวงกว้างยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของแกรมมี่และเอไอเอส

สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือดังกล่าว การเชื่อมต่อระหว่าง MobileLIFE ของเอไอเอสกับ G Member ของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งจะทำให้เกิดความบันเทิงตามรูปแบบที่ต้องการอย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการได้รับข่าวสารล่าสุดจากศิลปินที่ชื่นชอบ ข่าวคราวกิจกรรมต่างๆ ชมการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตผ่านมือถือ ดาวน์โหลดเกมอินเตอร์แอ็คทีฟที่สามารถร่วมเล่นกับผู้อื่นได้

วิธีใช้บริการเพียงเข้าไปที่ MobileLIFE บนมือถือ จากนั้นเลือก G Member และดาวน์โหลดมา ซึ่งจะมีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกมาเก็บไว้ในเมนูในลักษณะของจาวา การเชื่อมต่อผ่านจีพีอาร์เอสทาง MobileLIFE ในแต่ละครั้งของการใช้งาน หรือการเลือกผ่านทาง IVR (Interactive Voice Response)

"แกรมมี่ในฐานะผู้ให้บริการคอนเทนต์ด้านความบันเทิงที่หลากหลายที่สุดในไทย ได้เปิดมิติใหม่อีกด้านหนึ่งของโลกแห่งความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด เพราะจากนี้ไปในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ความบันเทิงของเราจะติดตามตัวผู้ใช้ไปตลอดเวลา เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีไร้สายพัฒนาไออย่างรวดเร็ว" นางบุษบากล่าว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.