จากคู่แข่งมาเป็นมิตร

โดย ไพเราะ เลิศวิราม ศศิธร นามงาม
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เมื่อผลประโยชน์ลงตัว อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ แม้แต่คู่แข่งขันอย่างเอไอเอสและดีแทค ยังต้องหันมาจูงมือขึ้นเวทีแถลงข่าวร่วมกันเป็นครั้งแรก

นับเป็นครั้งแรกที่คู่แข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่เคยไล่กวดกันอย่างหนัก อย่างบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) และบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือดีแทค ต้องขึ้นเวทีแถลงข่าวความร่วมมือเชื่อมต่อบริการ MMS (Multimedia Messaging Service) เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการข้ามระบบระหว่างกันได้

ทั้งคู่มีเป้าหมายไม่ต่างกัน นั่นก็คือ ต้องการกระตุ้นยอดรายได้จากบริการเสริม หรือ non-voice โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นบริการ MMS ที่แม้ว่ายอดผู้ใช้ยังไม่มากนัก แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ในตลาดเวลานี้ 20 ล้านเครื่อง มีเครื่องที่มีระบบ MMS ไม่เกิน 5 แสนเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นของเอไอเอส 350,000 เครื่อง และเป็นของดีแทคประมาณ 200,000 เครื่อง

แต่อัตราการใช้งานของลูกค้าบริการ MMS เริ่มส่อเค้าไปได้สวย เอไอเอสมีผู้ใช้บริการ MMS แบบไม่ประจำ 2.2 แสนเครื่อง ขณะที่มีลูกค้าใช้ประจำ 1.3 แสนเครื่อง อัตราเฉลี่ยเดือนละ 5 แสนครั้ง

ส่วนดีแทคมีลูกค้าที่ใช้บริการ MMS เป็นประจำจำนวน 5 หมื่นราย อัตราการใช้งานเฉลี่ยเดือนละ 3 แสนครั้ง มีรายได้ประมาณ 18 ล้านบาท

เอไอเอสคาดว่า ผลจากการร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลให้รายได้จากบริการ MMS ซึ่งมีอยู่ 20 ล้านบาทต่อปีเพิ่มเป็นอีกเท่าตัว ภายใน 6 เดือน ส่วนค่ายดีแทคไม่น้อยหน้า กัน คาดหมายว่า ยอดผู้ใช้บริการ MMS จะ เพิ่มขึ้นเท่าตัว

ส่วนของรายได้ ในอัตราค่าบริการที่จัดเก็บ 10 บาทต่อข้อความ จะถูกแบ่งผลประโยชน์ตามจำนวนข้อมูลที่ส่งระหว่างกัน ขึ้นอยู่กับลูกค้าของค่ายใดส่งมากน้อยกว่ากัน จากนั้นจึงนำเงินที่ได้มาจัดแบ่งกัน

เมื่อผลประโยชน์ลงตัว งานแถลงข่าวจึงถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อให้ทันกับเทศกาลวันวาเลนไทน์

ถึงแม้งานนี้จะเป็น win win แต่ด้วยความที่เป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันมาตลอด ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของทั้งฝ่ายจึงต้องทำงานหนัก เพื่อไม่ให้อีกฝั่งเกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบ หรือโดดเด่นกว่ากัน

เริ่มตั้งแต่เลือกโรงแรมเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานแถลงข่าว ต้องตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสำนักงานใหญ่ของทั้ง 2 ค่าย บังเอิญว่าโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล ที่เลือกไว้ถูกจองเต็ม จึงต้องย้ายมาที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ถนนวิภาวดีรังสิต

มาถึงรูปแบบการจัดงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหลื่อมล้ำว่าผู้บริหารของค่ายใดจะโดดเด่นกว่ากัน แทนที่จะเป็นเวทีแถลงข่าวปกติ ก็เปลี่ยนมาทำในลักษณะการสนทนากับผู้สื่อข่าวประมาณ 30 คน บนโต๊ะรูปตัว U

เอกสารข่าว หรือ Press Release ที่แจกให้ผู้สื่อข่าว ก็แจก 2 รูปแบบจาก 2 ค่าย แล้วแต่ผู้สื่อข่าวจะเลือกสรรกันไปใช้งาน เช่นเดียวกับป้ายชื่อบริษัทที่ติดอยู่บนผนัง ก็กำหนดให้มีขนาดเท่ากัน

มาถึงผู้บริหารที่ขึ้นเวทีแถลง จะมีตัวแทนฝั่งละ 1 คน ในฟากของเอไอเอส นั้นมีสุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักธุรกิจการให้บริการสื่อสารไร้สายคร่ำหวอดบนเวทีแถลงข่าวมานานกว่า

สำหรับดีแทคเลือกรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้อำนวยการกลุ่ม Product Management เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งดูแลบริการดังกล่าวไม่กี่เดือน เรียกว่ายังมือใหม่อยู่มาก จึงต้องนำธนา เธียรอัจฉริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ Prepaid มาประกบคู่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร งานนี้ก็สามารถลงเอยด้วยดี ด้วยภาพถ่ายของผู้บริหารของเอไอเอสอยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยผู้บริหารของดีแทค พร้อมกับประโยคที่ว่า "การแข่งขันยังมีอยู่ แต่การร่วมมือก็ต้องมีขึ้น" อันเป็นที่มาของงานนี้ เพราะหากผลประโยชน์ลงตัว อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.