1 ปี กับเม็ดเงิน 2,900 ล้านบาท คือ การลงทุนขยายโรงงานผลิตเบียร์ ที่
จ.นนทบุรี ของบริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด (Thai Asia Pacific
Brewry : TAPB) นับเป็นการขยายครั้งที่สองในรอบสามปีของ TAPB โดยเพิ่มกำลังการผลิตจาก
100 ล้านลิตร เป็น 200 ล้านลิตร หรือเทียบเท่ากับเบียร์ขนาดมาตรฐานประมาณ
1,000,000 ขวดต่อวัน และมีประสิทธิภาพการบรรจุ 30,000 ขวดต่อชั่วโมง การขยายโรงงานครั้งนี้จะทำให้
TAPB เป็นผู้ผลิตเบียร์ Heineken รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเลยทีเดียว
แน่นอนว่า การขยายธุรกิจครั้งนี้ย่อมไม่ใช่การขยายโรงงานธรรมดา หากแต่มีเป้าหมายหลักๆ
คือ หนึ่งเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศที่สูงขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพราะปริมาณการบริโภคเบียร์โดยเฉลี่ยต่อจำนวนประชากร ประเทศไทยมีการบริโภคต่ำเพียง
22 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่อังกฤษสูงถึง 120 ลิตรต่อคนต่อปี แต่กระนั้นก็คาดว่าในปี
2547 คนไทยจะบริโภคเบียร์เพิ่มขึ้น 8-10%
เป้าหมายต่อมาคือ เพื่อการเป็นศูนย์ส่งออกเบียร์ Heineken ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
โดยขณะนี้ส่งออกไปยังสิงคโปร์และมาเลเซีย ในรูปแบบเบียร์กระป๋อง แม้จะเป็นมูลค่าเพียง
100 ล้านบาท แต่ภายในปีนี้ TAPB ได้วางแผนที่จะส่งออก อีก 2-3 ประเทศ และภายใน
3 ปีคาดว่าจะมีการส่งออก 20-30% ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้มากกว่าเท่าตัวและสุดท้าย
คือเพื่อรองรับ การผลิตสินค้าตัวใหม่ ซึ่งคาดว่าจะออกมากกว่า 1 แบรนด์ในครึ่งปีหลัง
อาจเป็นแบรนด์ในตลาด Standard หรือ Economy โดยเฉพาะตลาด Economy ที่มีขนาดถึง
78% ก็เป็นตลาดที่น่าท้าทายของ TAPB
ปัญญา ผ่องธัญญา ผู้จัดการทั่วไป บริษัทไทยเอเชียแปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด
วิเคราะห์ว่าเป็นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคต่างกัน การออกสินค้าใหม่จึงทำได้ยากขึ้น
ปัจจัยสำคัญคือกฎหมายควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ
R&D ต้องเข้มข้นเพราะพฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละตลาดแตกต่างกัน Economy ชอบของถูก
แอลกอฮอล์สูง ฉะนั้นต้องศึกษาให้ดี อีกทั้งต้องหากลยุทธ์อื่นๆ มาสนับสนุนแบรนด์
ไม่เช่นนั้นโอกาสรุ่งยากมาก เช่น รสชาติที่ถูกปาก ชื่อแบรนด์ที่เรียกง่าย
จำได้ติดปากและอยากลอง รวมถึงการกระจาย สินค้าที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
ประมาณการสิ้นสุดปี 2547 Heineken จะมียอดขาย 7,200 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วถึง
600 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมปีนี้ที่ 80,500 ล้านบาท ปัญญาบอกว่าที่ตลาดรวมของ
เบียร์โตเรื่อยๆ อีกเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะนักดื่มส่วนหนึ่งทิ้งเหล้าขาวมาดื่มเบียร์
ซึ่งโดยมากเป็นการดื่มเบียร์ในตลาด Economy