BMW Group Thailand ได้เปิดตัวรถ BMW Series 5E 60 (5th generation) เมื่อวันที่
10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยใช้ห้องจัดเลี้ยงโรงแรม Grande Sheraton Sukhumvit
เป็นสถานที่แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมี Dr.Frank Roesler ประธานบริษัทฯ และวิทย์
สิทธิเวคิน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร ทำหน้าที่ให้รายละเอียด
เกี่ยวกับตัวรถ
BMW ให้คำจำกัดความ Series 5 ตัวใหม่ นี้ว่าเป็นสุดยอดซีดานสำหรับผู้บริหาร
(The Ultimate Business Sedan) ที่ใช้เทคโนโลยีและดีไซน์ เข้ามาตอบโจทย์เรื่องความต้องการได้อย่าง
ลงตัว
จากการพัฒนาระบบโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา (light-weight body) ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างอะลูมิเนียมและเหล็ก
โดยตัวรถส่วนหน้าทั้งหมดจะเป็นอะลูมิเนียม ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบ ในเรื่องน้ำหนักที่เบากว่าเหล็ก
เทคโนโลยีนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตัวรถในหลายๆ เรื่อง เช่นเมื่อเทียบกับ
Series 5 ตัวก่อน ระยะห่างระหว่างล้อที่เพิ่มขึ้นทั้งด้านหน้า (46 มิลลิเมตร)
และด้านหลัง (56 มิลลิเมตร) บวกกับฐานล้อที่ยาวขึ้น (62 มิลลิเมตร) ทำให้การกระจายน้ำหนักไปยังเพลาเป็นไปอย่างลงตัวมากขึ้น
ในอัตราส่วน 50:50 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนน
นอกจากเรื่องการกระจายน้ำหนักแล้ว ระยะห่างระหว่างล้อที่กว้างขึ้นและฐานล้อที่ยาวขึ้น
ทำให้ห้องผู้โดยสารโดยเฉพาะในส่วนหลัง มีความกว้างของช่วงไหล่เพิ่มขึ้น
48 มิลลิเมตร และพื้นที่พักขายาวขึ้น 46 มิลลิเมตร เป็นพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นในขณะที่น้ำหนักรวมของตัวรถลดลงถึง
75 กิโลกรัม
ขณะที่ตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้น การออกแบบจึงเข้ามามีส่วนช่วยในด้านรูปลักษณ์ที่ผสมผสานความปราดเปรียวของ
Series 3 เข้ากับความสง่างามของ Series 7 พร้อมรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของ
Series 5 รุ่นก่อนๆ เอาไว้
แต่สิ่งที่ BMW ถือว่าเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี อยู่ที่ระบบบังคับเลี้ยวแบบ
Active Steering และระบบไฟหน้าปรับมุมตามเส้นทางโค้ง (Adaptive Headlight)
ซึ่งจะมีในเฉพาะรุ่น 525 I SE
ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Active Steering เป็นระบบที่เชื่อมระบบพวงมาลัยเข้ากับล้อหน้า
ทำหน้าที่ปรับอัตราทดพวงมาลัย ตามการผันแปรของความเร็วของตัวรถ เมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำ
อัตราทดจะต่ำเพื่อลดองศาและรอบในการหมุนพวงมาลัย ในขณะที่ขับขี่ที่ความเร็วสูง
อัตราทดจะสูงเพื่อลดปฏิกิริยาในการตอบสนองของพวงมาลัย ทำให้ปลอดภัยจากการหักหลบได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนระบบไฟหน้าปรับมุมตามเส้นทางโค้ง (Adaptive Headlight) จะทำหน้าที่ปรับระดับและองศาบิดเลี้ยวของไฟหน้าตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย
ช่วยทำให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่ขณะเข้าโค้งชัดเจนยิ่งขึ้น
ในระยะแรกเริ่ม BMW จะทำตลาด BMW Series 5 ในรุ่น 525 I และ 525 I SE ซึ่งจะเป็นรถที่ผลิตที่โรงงาน
BMW Manufacturing จังหวัดระยอง โดยกำหนดราคาที่ 3.8 และ 4.2 ล้านบาทตามลำดับ
โดยสายการผลิต Series 5 E60 ที่จังหวัดระยอง ถือเป็นสายการผลิตแห่งที่
3 ของโลกรองจากสายการผลิตที่เมืองดิโกฟิง (Dingolfing) เยอรมนี และที่เมืองเสินหยาง
(Shenyang) จีน และจะเป็นแหล่งผลิตแห่งที่ 2 ของโลกต่อจากโรงงานที่เมืองดิโกฟิง
ที่ผลิตรถ BMW ครบทั้ง 3 Series คือ 3, 5 และ 7