พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเกมรุกตลาดอสังหาฯ วางโครงสร้างรายได้ระยะยาวทั้งกลุ่มพร้อมเปิดตัว 7 โครงการใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท ในนามพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค พัฒนาอีก 4 โครงการในนามบริษัทกรุงเทพบ้าน มูลค่า 3,000 ล้านบาท และเอสเตท เพอร์เฟ็คท์ อีก 4,000 ล้านบาท เล็งลดพาร์ล้างขาดทุนสะสม 3,800 ล้านบาทในสิ้นปี และดันหุ้นกู้ล็อตใหม่
1,500 ล้านบาทอายุ 3 ปีเพื่อขยายธุรกิจ เตรียมดันบริษัทในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 47
นายชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันบริษัทมีหนี้ค้างอยู่ประมาณ 4,473 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะพยายามลดหนี้ให้อยู่ในระดับ
2,500 ล้านบาท ซึ่งระดับหนี้จะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายอยู่ประมาณ 3% ประกอบกับบริษัทฯมีแผนจะออกหุ้นกู้จำนวน
1,500 ล้านบาทอายุ 3 ปี เพื่อนำมาขยายธุรกิจ และการปรับวิธีการสร้างบ้านโดยเน้นการทำบ้านพร้อมอยู่
ซึ่งทำให้สร้างเสร็จภายใน 6 เดือนทำให้สามารถรอบของการหมุนการสร้างบ้านเสร็จมีถึง
2 รอบจากเดิมที่บริษัททำบ้านสั่งสร้างต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีครึ่งกว่าจะรับรู้รายได้
ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะลดราคาพาร์จาก 10 บาทต่อหุ้นมาเหลือ 5 บาท ต่อหุ้นซึ่งเป็นวิธีที่ไม่สร้างผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น
คาดจะเริ่มในช่วงเดือนมิถุนายน 2547 ซึ่งจะส่งผลให้สามารถล้างขาดทุนสะสมของบริษัทฯที่มี
อยู่ประมาณ 3,800 ล้านบาทภายในปีนี้ ทำให้ในปี 2548 บริษัทจะมีความพร้อมจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราที่กำหนดไว้สูงสุดที่
70% ของกำไรสุทธิ และยังจะคงรักษาอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขายโดยเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ
25% อย่างน้อยอีก 2 ปี
ทั้งนี้ในปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนในที่ดินประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาโครงการต่อเนื่อง
คือ โครงการใหม่อีก 7 โครงการที่จะพัฒนาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2547 ไปถึงปี 2551
มีมูลค่าประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท (พิจารณาตารางประกอบ) และหากรวมกับโครงการเดิมจะทำให้บริษัทมีโครงการที่ต้องบริหารรวมในปีนี้
เท่ากับ 18,580 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายประมาณ 8,000 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นถึง 100% จากปี 2546 ที่มีรายได้รวม 4,127 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ
1,157 ล้านบาท
เพิ่มจุดแข็งพื้นที่ในเมือง
นางอุไรวรรณ ภัทรกานต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด กล่าวว่าบริษัทจะมีการวางกลยุทธ์ในการเจาะตลาด
เพื่อเป็นลักษณะสร้างจุดแข็งให้กับกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โดยจะทำโครง การขนาดเล็ก
ทำเลอยู่ในเมือง เน้นลูกค้าตลาดบน ประเภทโครงการเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม
ซึ่งหลังจากที่บริษัทได้เปิดขายโครง การแรก คือ ราชพฤกษ์ เกษตร-นวมินทร์ ปรากฏว่าสามารถทำยอดขายและปิดโครงการได้ภายในปีเดียวซึ่งมียอดขายล่วงหน้า(พรีเซลส์)
ประมาณ 820 ล้านบาท มีกำไร 157 ล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาโครงการระหว่างปี 2547-2548 นางอุไรวรรณ กล่าวว่าจะมีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง
แบ่งเป็น เปิด 4 โครงการใหม่ คือ ราชพฤกษ์ วงแหวน-เพชรเกษม มูลค่า 1,200 ล้านบาท
เป็นบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ทั้งหมด, ราชพฤกษ์ สุขุมวิท 103 มูลค่า 850 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่
60% และบ้านสั่งสร้าง 40%
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนพัฒนาโครงการใหม่บนถนนพระราม 2 เพื่อ ให้ทันเปิดในต้นปี
2548 ทั้งนี้ ยังวางแผนที่จะเสริมยอดขายด้วยการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกลางใจเมือง
ซึ่งจะทำให้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ชัดเจนและครอบคลุมทั่วถึงลูกค้าทุกแบบ
นางอุไรวรรณ กล่าวว่า ภายในปีนี้บริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดินมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เพื่อนำเงินที่ระดมทุนมาพัฒนาโครงการที่วางไว้ ซึ่งคาดว่าเงินลงทุนในที่ดินที่ต้องนำมาพัฒนาประมาณ
1,000 ล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มทุนเพื่อมารองรับโครง การประมาณ 500 ล้านบาท และยังมีส่วนของเงินกู้โครงการจากสถาบันการเงินอีกส่วน
ทั้งนี้ หากในปี 2548 สามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท ก็น่าจะทำให้อัตราเติบโตเฉพาะบริษัทกรุงเทพบ้านและที่ดินได้
30%
ปัจจุบันหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2 เท่าต่อ 1 ซึ่งจะสูงกว่าพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค
เพราะเราอยู่ในช่วงของการขยายโครงการ และมีการซื้อที่ดิน และหากเพิ่มทุนได้ รวมทั้งเปิดขายโครงการเพิ่ม
คาดว่าหนี้สินต่อทุนจะลดต่ำลงได้ ซึ่งจะเหลือประมาณ 1ต่อ 1 ภายในสิ้นปี 2547
"จากการตอบรับที่ดี ทำให้บริษัทมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น และได้วางกลยุทธ์รุกโครงการในเมือง
ที่มีขนาดเล็ก พร้อมจุดเด่นการนำเทคโนโลยี เพื่อการอยู่อาศัยอย่างทันสมัยและปลอดภัย
คือ ระบบสมาร์ทโฮม ที่ใช้การ ควบคุมด้วยเทคโนโลยี" ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานกรรมการ
บริษัทฯ กล่าว กู้เงินดีบีเอสฯรีไฟแนนซ์หนี้
นายชายนิด กล่าวว่าบริษัท เอสเตท เพอร์เฟ็คท์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน
40% สามารถปรับโครงสร้างหนี้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)ได้ในไตรมาสแรกปีนี้
โดยการกู้เงินจากธนาคาร ดีบีเอสไทยทนุ (DTDB) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ (รีไฟแนนซ์)
กับบสท.จำนวนกว่า 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารยังสนับสนุนสินเชื่อประมาณ 800 ล้านบาท ในการพัฒนาโครงการ เพอร์เฟ็คท์
สุขุมวิท 77 บนเนื้อที่ 260 ไร่ ประเภทบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการรวมค่าก่อสร้างประมาณ
4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาพัฒนาประมาณ 5 ปี และเป็นโครงการเดียวที่จะพัฒนา
หลังจากพัฒนาแล้วเสร็จจะมีการปรับเปลี่ยนบทบาทของบริษัทใหม่ ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน
950 ล้าน บาท และจะไม่มีการเพิ่มทุนอีก