เมโทรฯเร่งสร้างแบรนด์เอสไอจีสู่โปรเฟสชันแนลเซอร์วิสใน3ปี


ผู้จัดการรายวัน(24 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังพบตัวเลข กลุ่ม SIG เติบโตกว่า 100% ในปีที่ผ่านมา เมโทรฯหวังสร้างแบรนด์ SIG เป็นบิสซิเนส ยูนิตหลัก ที่มีซอฟต์แวร์โซลูชันรองรับเป็นแบรนด์ย่อยที่ครอบคลุมทุกสายธุรกิจ ตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นโปรเฟส ชันแนล เซอร์วิส ภายใน 3 ปีที่เป้าหมายยอดขาย 1,000 ล้านบาท

นายอรุณ ต่อเอกบัณฑิต กรรมการบริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการทำตลาดว่า จากการที่เมโทรฯมีการแบ่งกลุ่มการทำธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มเอ็นเตอร์ไพร์สซิสเต็มส์กรุ๊ป (ESG) ดูแลสินค้าด้านฮาร์ดแวร์, กลุ่มโซลูชันอินทิเกรชันกรุ๊ป (SIG) ดูแลการทำตลาดผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์โซลูชันและกลุ่มออฟฟิศซัพพลายส์ กรุ๊ป (OSG) ดูแลจำหน่ายสินค้าซัปพลาย ภายหลังมีการจัดหมวด หมู่การทำธุรกิจทำให้เกิดความชัดเจนในการทำตลาดอย่างมาก เห็นได้จากอัตราการเติบโตในทุกกลุ่ม โดยกลุ่ม ESG มียอดขายเติบโตจากปีที่ผ่านมา 4.8% กลุ่ม OSG เติบโต 34.14% และกลุ่ม SIG เติบโต 168.87%

"ภาพที่คนภายนอกมองเมโทรฯคือเป็นฮาร์ดแวร์คอมปานีเนื่องจากเราโตมาจากฮาร์ดแวร์ และเริ่มเข้ามาในธุรกิจซอฟต์แวร์เมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา บริการที่ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ มาในปีนี้เมโทรฯจึงมีแนวทางที่ชัดเจนต้อง การสร้างแบรนด์ SIG ให้คนรู้ว่าเมื่อพูดถึงโซลูชัน, โปรเฟสชันแนลเซอร์วิส ต้องนึกถึง SIG"

นายอรุณมองภาพการสร้างแบรนด์ SIG เช่นเดียวกับการสร้างแบรนด์ โซลูชันด้านการศึกษา BAL ทุกวันนี้เมื่อพูดถึง BAL ทุกคนเข้าใจตรงกัน

ขั้นตอนการสร้างแบรนด์ SIG เป็นการนำซอฟต์แวร์ทุกตัวมาอินทิเกรตจัดโดยทีมงานเพื่อให้ลูก ค้าเห็นภาพที่ชัดเจนว่าการนำซอฟต์ แวร์มาต่อเชื่อมกันประโยชน์ที่ได้มีอย่างไร จากเดิมที่ทุกวันนี้ลูกค้าจะใช้งานซอฟต์แวร์แบบไม่เชื่อมต่อ ทำให้ไม่เกิดประโยชน์สูงสุด เทียบได้กับลูกค้าจ่ายเงิน 100 บาท แต่ใช้งานแค่ 10 บาท แต่นับจากนี้ไปเมโทรฯจะทำให้ลูกค้าใช้ประโยชน์ได้เกินกว่า 100 บาท

เบื้องหลังการผลักดันแบรนด์ SIG ให้ติดตลาด เมโทรฯต้องการเห็นการเติบโตของกลุ่มนี้ประมาณ 20-30% จากปัจจุบันยอดขายของกลุ่มนี้แชร์จากยอดขายรวมของกลุ่มประมาณ 12% หรือประมาณ 500 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปีต้องการให้กลุ่ม SIG ทำรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท

"ภายใน 3 ปีกับเป้าหมายยอดขาย 1,000 ล้านบาทนี้ เรามอง ว่าสิ่งที่ต้องลงทุนอย่างมากคือบุคลากร แต่เราได้เปรียบคนอื่นที่เรามีศูนย์เทรนนิ่งที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ เรามีเทคโนโลยีทำให้เรา สามารถสร้างบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

นายอรุณกล่าวว่า ในอนาคตอยากเห็นกลุ่ม SIG เป็นโปรเฟสชันแนลเซอร์วิส มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด อันจะส่งผลดีกับธุรกิจโดยรวมเพราะเป็น กลุ่มธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ

ส่วนขั้นตอนการผลักดันแบรนด์ SIG จะลงลึกไปถึงการสร้างแบรนด์ที่เป็นโซลูชันต่างที่อยู่ใน SIG ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมา SIG ประสบความสำคัญในการสร้างแบรนด์ BRITA เป็นซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการระบบการเงินของโรงแรม ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะตรงตามความต้องการลูกค้า ส่งผลให้ BRITA เกิดเป็นแบรนด์ขึ้นมา

"เราจะสร้างแบรนด์ของตัวโปรดักส์แต่ละตัวขึ้นมา เพื่อให้เกิดหลายแบรนด์พร้อมๆกัน DWA จะเป็นอีกแบรนด์ที่คาดว่าจะเกิดในปีนี้, โมบายแอปพลิเคชันก็น่าจะเกิดได้เป็นลักษณะซอฟต์แวร์ที่วิ่งบนพ็อกเกตพีซี ส่งข้อมูลถึงศูนย์ในกรุงเทพฯสามารถจัดการเรื่องคลังสินค้าได้ทันความต้องการ"

ภาพในอนาคตของ SIG ที่วางไว้คือเป็นแบรนด์ใหญ่ของบิสซิเนส ยูนิต ที่มีแบรนด์ย่อยเป็นโซลูชันด้านซอฟต์แวร์รองรับทุกสายงานธุรกิจ ที่เติบโตด้านยอดขายจากในปัจจุบันเท่าตัวที่ยอดขาย 1,000 ล้านบาท ใน 3 ปี



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.