AMATAตั้งเป้าปีนี้โตอีก30% เน้นลงทุนนิคมในเวียดนาม


ผู้จัดการรายวัน(23 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

อมตะ คอร์ปอเรชั่นตั้งเป้าปีนี้ขายที่ดิน 1,000 ไร่ ฟุ้งรายได้ และกำไรโตเพิ่ม 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/47 รับรู้รายได้จากการขายที่แล้วกว่า 100 ไร่ เผยไตรมาส 2 เตรียมปรับขึ้นราคาขายที่ดินอีก 5-10% หลังวัสดุก่อสร้าง-ค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น "วิกรม" ลั่นอนาคตให้ความสำคัญในการทำนิคมฯที่เวียดนามมากกว่าไทย หลังจากรัฐบาลเวียดนามเสนอให้ที่ดินให้พัฒนานิคมฯแล้ว 2 หมื่นไร่ เผยต้นเดือนหน้าอดีตนายกฯเวียดนาม เดินทางมาไทยหารือแนวทางการพัฒนานิคมฯแห่งใหม่

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้า หน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(AMATA) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2547 ว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายและกำไรใน ปีนี้จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น 30% จากปีที่แล้วบริษัทฯมีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯได้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลง เพิ่มมูลค่าโครงการในนิคมฯ และรับรู้รายได้จาก บริษัทย่อย โดยตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมฯทั้ง 2แห่งในไทยประมาณ 1,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขายที่ดินประมาณ 850 ไร่

นอกจากนี้ บริษัทฯจะมีการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 60 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้นเป็น 360 เมกะวัตต์ ทั้งนี้เพื่อรองรับปริมาณโรงงานเข้ามาตั้งในนิคมฯเพิ่มมากขึ้น โครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท และ คาดว่าจะดำเนิน การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2548 โดยAMATA จะไม่ใส่เงินลงทุนในโรงไฟฟ้าส่วนขยายดังกล่าว โดยแหล่งเงิน มาจากเงินทุนหมุนเวียนจากบริษัท อมตะ เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน

นายวิกรม กล่าวถึงโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมปลอดอากรใน ประเทศเวียดนามภายใต้ชื่อ อมตะ เอ็กซ์เพรส ซิตี้ ว่า นิคมฯดังกล่าวทาง รัฐบาลเวียดนามเสนอที่ดิน 1.2 หมื่นไร่ โดยให้เช่า 50 ปี ซึ่งวันที่ 3 มีนาคมนี้ นายโว วัน เกียต อดีตนายกรัฐมนตรีเวียดนามจะเดินทางมาไทยเพื่อหารือถึงแนวทางการพัฒนา นิคมฯดังกล่าว และยินดีที่จะเป็นที่ปรึกษาในโครงการดังกล่าว โดยบริษัทฯวางแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวนอกเหนือจากนิคมฯแล้ว จะมีสนามกอล์ฟ รีสอร์ต และบ้านจัดสรร เป็นต้น

"ดังนั้น เราจะเน้นการลงทุนที่เวียดนามมากกว่าไทย ซึ่งปัจจุบันเวียดนามให้พื้นที่บริษัทในการพัฒนานิคมฯทั้ง 3 แห่งแล้ว จำนวน 2 หมื่นไร่ โดยเราไม่ต้องเสียเงินเลย แต่หลังจากขายที่ดินแล้วจึงมีการแบ่งราย ได้ตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งรัฐบาลเวียดนามให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ดังนั้น ปีนี้คาดว่ารายได้จากการขายที่ดินในเวียดนามจะขยายตัวกว่า 40% โดยปีที่แล้ว เรามีรายได้จากการขายที่ ดินในเวียดนาม 5-6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นกำไรสุทธิเกือบ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ"

การลงทุนในนิคมฯที่เวียดนามนับจากนี้ บริษัทแม่จะไม่ใส่เงินลงทุน แต่จะนำผลกระแสเงินสดและกำไรจากการดำเนินงานที่เวียดนามมาลงทุนแทน ทำให้กระแสเงินสดของAMATA ไม่กระทบแม้ว่าจะมีการขยายการลงทุนก็ตาม

นายวิกรม กล่าวว่า ในอนาคต เวียดนามจะกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทย เนื่องจากผลิตสินค้าได้เหมือนกัน แต่ราคาที่ผลิตได้ถูกกว่า เช่น ข้าว อาหาร ฯลฯ ซึ่งเวียดนามเป็นประเทศที่ มีศักยภาพสูงกว่าไทย ไม่ว่าจะเป็นแรงงานที่มีประสิทธิภาพ รัฐบาลเวียดนามควบคุมการห้ามประท้วง หรือนัดหยุดงาน รัฐบาลลงทุนโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน และภาษีนำเข้าที่อียูคิดจากเวียดนามจะมีอัตราที่ต่ำกว่าไทย ทำให้สินค้าที่ส่งออกจากเวียดนามมีต้นทุนต่ำกว่า

ตั้งเป้าขายที่ดิน 1 พันไร่

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ผู้อำนวย การอาวุโส ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ดินในนิคมทั้งปีไว้ที่ 1,000 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลี เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ที่ย้ายฐานการผลิตหรือขยายพื้นที่ โรงงานในเขตนิคมเพิ่มเติม ล่าสุด บริษัทโตโยต้า ได้ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งนักลงทุนจีน เริ่มย้ายฐานการลงทุนมาไทยเพิ่มมากขึ้น

"ช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินและสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส1/2547ได้ประมาณ 100 ไร่ และช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ได้ทำการเซ็นสัญญาขายที่ดินในนิคมอมตะนครไปแล้ว 3 ราย คิดเป็นจำนวนพื้นที่ 60 ไร่ มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท และภายในสิ้นเดือนนี้จะทำการเซ็นสัญญากับผู้ประกอบการของประเทศเกาหลีอีก 1 ราย"

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีแผนจะปรับขึ้นราคาที่ดินอีก 5-10% ในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ต้น ทุนระบบสาธารณูปโภคขยับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯจะเพิ่มพื้นที่ เขตปลอดภาษีในนิคมอมตะนคร โดย ขยายเพิ่มเติมอีก 100 ไร่ รวมทั้งสิ้นเป็น 200 ไร่ โดยบริษัทจะมีการลงนาม ขายพื้นที่ในเขตปลอดภาษีอีก 3 รายภายในเดือนมีนาคมนี้ ปัจจุบันที่ดินเปล่าในนิคมฯอมตะนครมีจำนวน 1,000 ไร่ และอมตะซิตี้อีก 1,000 ไร่

นอกจากนั้น บริษัทกำลังขยายพื้นที่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเกษตรเฟส 2 ในนิคมอมตะนคร คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นบริษัทมีแผนที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้า น้ำประปา หรือออฟฟิศสำหรับให้เช่า ซึ่งจะสร้างมูลค่า เพิ่มให้บริษัทเป็นจำนวนมาก โดยจะสามารถรับรู้รายได้ด้านสาธารณูปโภค ส่วนได้ประมาณปี 2550

"ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนซื้อพื้นที่เพิ่ม เพราะเราไม่อยากมีที่ดินเปล่าไว้ในมือมากเกินไป หากที่ดินของ นิคมอมตะทั้ง 2 แห่งขายหมดเราจะให้ มาเน้นสร้างรายได้ทางด้านสาธารณูปโภคแทน เพราะเรามองว่า สาธารณูปโภคจะเป็นรายได้ระยะยาวเพราะเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน" นายวิบูลย์กล่าว
โครงสร้างรายได้ของบริษัทในปี 2546 มาจาก รายได้จากการขายที่ดินประมาณ 70% และรายได้จากสาธารณูปโภค 30% ในปี 2547 คาดว่าสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดินจะลดลงเหลือ 65% แต่มีรายได้จากสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นเป็น 35% และในอนาคตโครงสร้างรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคจะใกล้เคียงการขายที่ดิน คือ 50 : 50



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.