Competing for Talent


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2544)



กลับสู่หน้าหลัก

การเลือกสรรบุคลากรและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถไว้กับองค์กร เป็นยุทธศาสตร์ทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และในปัจจุบันก็มีการกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า "the employer of choice" หรือ EOC กันมากขึ้น แนนซี เอส. อาห์ลริชส์ ที่ปรึกษาทางด้านทรัพยากรบุคคล จึงนำเสนอประเด็นนี้ใน Competing for Talent

การคัดเลือกคนใหม่

สิ่งหนึ่งที่ EOC ให้ความสำคัญก็คือ การลดวงจรเวลาและเพิ่มความเป็นกันเองในกระบวนการสรรหาบุคลากร เพราะองค์กรส่วนใหญ่มักมีขั้นตอนการสรรหาบุคลากร ที่เป็นแบบแผนเหมือนระบบราชการจึงไม่สามารถดึงดูดผู้ที่มีความสามารถจริงได้ อาห์ลริชส์เสนอว่า "ทุกวันผู้สมัครที่มีความสามารถ ซึ่งรวมทั้งจากภายในองค์กรด้วย กำลังถูกแย่งชิงตัวไปอย่างรวดเร็วโดยองค์กรที่มีความไวต่อเรื่อง EOC มากกว่า"

นอกจากนั้น EOC ยังให้ความสำคัญกับความรู้ความสามารถ (เช่น ความริเริ่มหรือความสามารถในการแก้ไขปัญหา) มากกว่าทักษะที่ใช้ในระหว่างการสัมภาษณ์หรือว่าจ้างพนักงานใหม่ อาห์ลริชส์บอกพนักงานที่เก่ง ย่อมสามารถสร้างขอบเขตหน้าที่การงาน ที่ผนวกรวมเอาความรู้ความสามารถส่วนตัว เข้ากับบุคลิกภาพส่วนตัวของผู้ที่ทำงานได้ดีในตำแหน่งดังกล่าว

การคัดเลือกบุคลากรตามแนว EOC ไม่จำเป็นต้องยุติลงด้วยการจ้างพนักงาน แต่ยังมุ่งเน้นไปที่กระบวนการในการปฐมนิเทศ พนักงานเพื่อให้เกิดความประทับใจในเชิงบวกต่อองค์กรและวัฒนธรรมองค์กร แล้วประสานคนใหม่ให้เข้ากับกลุ่มงาน

‘ การรักษาพนักงานไว้

ในอีกส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ กล่าวถึงยุทธศาสตร์ในการรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้กับองค์กร

ขั้นแรกคือการมีกลยุทธ์และกระบวนการ ที่ระบุได้อย่างเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการลาออกของพนักงาน EOC ไม่เพียงสืบหาสาเหตุด้วยการสัมภาษณ์ก่อนลาออก แต่ยังมีขั้นตอนสกัดกั้นหรือป้องกัน เพื่อลดจำนวนการลาออกของพนักงานก่อนที่จะเกิดปัญหาด้วย

ตัวอย่างเช่น EOC อาจจัดให้มีคณะกรรมการข้ามสายงาน (โดยรวมทั้งสายการบริหารและที่ไม่ใช่สายบริหารด้วย) เพื่อให้คำแนะนำเป็นระยะๆ โดยอาจซักถามความเห็นเกี่ยวกับการลาออกของพนักงานด้วยคำถามต่างๆ เช่น "คุณคิดจะลาออกจากงานบ้างหรือเปล่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา", "คุณดำเนินการใดๆ เพื่อลาออกจากองค์กรไปบ้างหรือไม่อย่างไร" หรือ "ทำไมคุณจึงรู้สึกไม่พอใจองค์กร" ทั้งนี้ต้องให้แน่ใจว่าคำตอบเหล่านี้เป็นคำตอบที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อผู้ให้คำตอบอย่างแน่นอน

อาห์ลริชส์ยังระบุถึงสไตล์การบริหารและวัฒนธรรมองค์กร ที่ช่วยกระตุ้นให้มีการรักษาพนักงานได้ โดยชี้ว่าองค์กรที่จัดให้มีทีมบริหารงานกันเอง และไม่กลัวการกระจายอำนาจการตัดสินใจมี แนวโน้มจะดึงพนักงานที่มีความสามารถสูงไว้ได้มาก ภาวะผู้นำในทุกระดับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญ นอกจากนั้น องค์กรยังต้องให้ความสำคัญกับแผนการพัฒนาพนักงาน การให้ผลตอบแทนแบบ มีทางเลือก ตลอดจนผลประโยชน์อื่นที่จะกระตุ้นให้พนักงานมีความภักดีต่อองค์กร

‘ ภาพรวมที่เข้าใจได้กระจ่าง

นอกจากหนังสือเล่มนี้จะให้เครื่องมือต่างๆ อย่างเป็น ขั้นตอนแล้ว ยังให้ภาพรวมในประเด็นการคัดเลือกและรักษา พนักงานไว้กับองค์กรด้วย โดยมีประเด็นย่อยๆ อาทิ ผลประโยชน์ขั้นต่ำที่จะได้จากการที่มีการลาออกของพนักงานน้อย ลักษณะของ EOC และความสำคัญของชุมชนที่เกี่ยวข้อง นับเป็นคู่มือสำหรับนักบริหารฉบับที่ชี้แนะแนวปฏิบัติจริงเพื่อช่วยให้องค์กรก้าวไปสู่การเป็น "ที่ทำงานที่ดีเยี่ยมแห่งหนึ่ง" ต่อไป

 

การจำลองสถานการณ์การทำงาน ในกระบวนการสัมภาษณ์ การจำลองสถานการณ์การทำงานในกระบวนการสัมภาษณ์ จะช่วยให้องค์กรระบุตัวผู้สมัครที่จะทำงานได้ดี อาห์ลริชส์ได้เสนอสถานการณ์จำลองสี่แบบดังนี้

1. มอบหมายโครงงานจริงให้ทำโดยอาจใช้วิธีจ่ายค่าตอบแทนให้หรือไม่ก็ได้ 2. จัดกิจกรรมการทำงานจำลองหนึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งวัน เพื่อดูถึงวิธีการตัดสินใจและปริมาณงานที่คาดว่าจะรับได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

3. ขอให้ผู้สมัครจัดการประชุมเพื่อทดสอบทักษะในการเป็นผู้นำ (ให้ผู้สมัครได้มีเวลาเตรียมตัว)

4. ให้ผู้สมัครสวมตำแหน่งของพนักงานที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน แล้วมอบหมายงานให้โดยระบุสิ่งที่ต้องการให้บรรลุผลด้วย (วิธีนี้จะช่วยให้พนักงานปัจจุบันได้ประเมิน ผู้สมัครร่วมกับองค์กรด้วย)



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.