ไทคอนฯทุ่มเงิน 800 ล้านบาท ซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงานให้เช่าเพิ่มอีก 50 โรงภายในปีนี้
ลั่นสร้างรายได้และกำไรโตต่อเนื่องจากปีก่อน 30% ฟุ้งเตรียมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นครึ่งปีหลัง
2546 ไม่ต่ำกว่า 20 สตางค์ต่อหุ้น(พาร์ 1 บาท) หลังจากจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว
20 สตางค์ต่อหุ้น ขณะเดียวกันเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการรุกตลาดต่างประเทศ
นายชาตรี เหล่าเหมวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทคอน
อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)(TICON) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2547
ว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนการลงทุนต่อเนื่องจากปีที่แล้วในการซื้อที่ดินและก่อสร้างโรงงานให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรม
เพื่อสนองความต้อง การของนักลงทุน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท
ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวจะมาจากเม็ดเงินจากการจัดสรรหุ้นบุริมสิทธิให้กองทุนเพื่อการร่วมลงทุน(Thailand
Equity Fund) จำนวน 50 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 9.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 462.50
ล้านบาท และกู้ยืมเงินจาก สถาบันการเงินอีก 500 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อ
ทุนอยู่ที่ระดับ 1.5 เท่า ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
ปัจจุบัน บริษัทได้ซื้อที่ดินใน นิคมฯตั้งแต่ปีก่อนคิดเป็นพื้นที่ 1.2 แสนตร.ม.
ซึ่งสร้างอาคารโรงงานให้เช่าได้ประมาณ 50 โรงงาน คาดทั้งปี 2547 บริษัทฯจะมีอาคารโรงงานให้เช่ารวมทั้งสิ้น
160 โรงงาน เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2546 ที่มีอาคารโรงงานให้เช่าประมาณ 114 โรงงาน
นายชาตรี กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯประเมินรายได้และกำไรสุทธิในปีนี้จะขยายตัวใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ที่มีอัตราการเติบโต 30% โดยผลประกอบการของบริษัทในปี 2546 ขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้
30%จากปี 2545 ที่มีรายได้ประมาณ 389 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 111.82 ล้านบาท
ดังนั้น บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผล ให้แก่ผู้ถือหุ้นจากผลการดำเนินงานงวด
6 เดือนหลังของปี 2546 ไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 20 สตางค์ (พาร์ 1 บาท) หลังจากก่อนหน้านี้
บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของปี 2546 ไปแล้ว 20 สตางค์ต่อหุ้น (พาร์ 1 บาท)
ส่วนแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศนั้น ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความ
เป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุนสร้างอาคารโรงงานให้เช่าในนิคมอุต-สาหกรรมต่างประเทศ
โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่นักลงทุนข้ามชาติส่วนใหญ่ให้ความสนใจเข้าไปลงทุน
โดยอาศัยค่าแรงงานที่ถูกและมีตลาดในประเทศรองรับสินค้าได้
การขยายการลงทุนไปต่างประเทศครั้งนี้ บริษัทฯมองลู่ทางเข้าไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ฉางโจว
ประเทศจีน ซึ่งเป็นนิคมฯที่บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJA-NA)อยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาที่ดินอยู่
คาดว่าจะเปิดขาย ได้ภายในปีนี้ โดย ROJANA เป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งของไทคอนฯ
จึงเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯจะขยาย การลงทุนในต่างประเทศ โดยเน้น กลุ่มลูกค้าขนาดกลางและเล็กเหมือนที่ทำตลาดในประเทศไทย
ขณะนี้มีการเจรจาพูดคุยกันเกี่ยวกับการเข้าขยายการลงทุน ในต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุป
เพราะต้องพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของโครงการ ตลาด และบุคลากร โดยจะต้องสามารถหาบุคลากรที่จะเข้าไปทำงานในจีนด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หลังจากที่โรจนะฯพัฒนาที่ดินพร้อมรองรับลูกค้า
ปัจจุบัน กองทุนเพื่อการร่วม ลงทุน ถือเป็นกองทุนรวมที่มีทุน 10,000 ล้านบาท
ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของรัฐบาลไทย และสถาบันชั้นนำของประเทศไทยและต่างประเทศ
โดยมีวัตถุประสงค์พิเศษ เพื่อลงทุนระยะยาวในบริษัทไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันและมีแนว
โน้มในการเติบโตสูง เข้ามาลงทุนในไทคอนฯ พร้อมทั้งส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการร่วม
1 คน
กองทุนเพื่อการร่วมลงทุนบริหารงานโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เอ็มเอฟซี
จำกัด (มหาชน) และมี Private Equity (Thailand) Co., Ltd. ซึ่ง เป็นบริษัทในเครือของ
Lombard Investment, Inc. เป็นผู้ให้บริการด้านเทคนิคแก่กองทุน