ธปท.ดับฝันฟินันซ่าเป็นแบงก์


ผู้จัดการรายวัน(18 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ชาติแจงแผนยกระดับเป็น แบงก์พาณิชย์ของฟินันซ่ากับบีฟิทล่ม เหตุทำผิดกฎ ขายหุ้นก่อนเกณฑ์ตั้งแบงก์พาณิชย์ โดยรมต.คลังลงนามวันที่ 23 ม.ค. ด้านรองผู้ว่าฯเผยมีสถาบันการเงิน 1 แห่งขอยกระดับอย่างเป็นทางการแล้ว ด้านเอบีเอ็น แอมโร เข้าพบ รมต.คลังวันนี้ ยืนยันถอนการลงทุน ในแบงก์เอเชีย "สุชาติ เชาว์วิศิษฐ" แย้มปีนี้มีสถาบันการเงินควบรวมไม่ต่ำกว่า 2 ดีล

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทรแสดงความจำนงในการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยการควบรวมกิจการกับบริษัทเงิน ทุนฟินันซ่า โฮลดิ้ง แต่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ในเวลาต่อมา ซึ่งไชน่าดีเวลลอปเม้นท์ อินดัสเตรียล จำกัด ขายหุ้นของบง.กรุงเทพธนาทรให้กับผู้ถือหุ้นรายอื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ว่า ถือว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะขอยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากกระทำ ผิดกฎเกณฑ์การยกระดับ โดยเกณฑ์ดังกล่าวระบุว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ของสถาบัน การเงินที่ต้องการยกระดับจะต้องทำก่อนเกณฑ์การตั้งธนาคารพาณิชย์ นับวันลงนามของรมว. คลังคือวันที่ 23 ม.ค. แต่กรุงเทพธนาทรดำเนินการขายหุ้นหลังจากนั้น

"ธปท.หารือกับ บีฟิท และบง.ฟินันซ่า แล้ว ซึ่งเขาก็รับทราบว่าไม่สามารถดำเนินการในรูปแบบเดิมที่ได้เสนอมา แต่เขาจะดำเนินการอย่างไร ต่อไปนั้นยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับทั้ง 2 แห่งที่จะหารือกัน" ผู้ว่าการธปท.กล่าว

ทางด้านนางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงิน 1 กลุ่มยื่นเรื่องเพื่อขอยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์อย่างเป็นทางการมาให้ ธปท. พิจารณาแล้ว แต่ทาง ธปท. ยังอยู่ในระหว่างการนำแผนทั้งหมดของสถาบันการเงินแห่งนี้มาพิจารณาในเบื้องต้น

"ธปท.กำลังดูว่าแผนที่ยื่นมาเป็นไปตามเกณฑ์ที่จะตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์หรือไม่ ซึ่งยังบอกชื่อสถาบันการเงินที่ขอยื่นยกระดับไม่ได้ว่าเป็นบริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามสิ่งสำคัญอยู่ที่ความเข้มแข็งมากกว่า" นางธาริษา กล่าว

เอบีเอ็น แอมโร พบคลังขอถอนเงินจากแบงก์เอเซีย

ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ผู้แทนจากธนาคารเอบีเอ็น แอมโร ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนของธนาคารเอบีเอ็น แอมโร เอเซีย จำกัด (มหาชน) จะเดินทางเข้าหารือกับตนในเรื่องการถอนเงินลงทุนจากธนาคาร ซึ่งถือเป็นธรรมเนียม มารยาทตามปกติในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หรือ ถอนเงินลงทุนออกไป แต่ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคงไม่ทำหน้าที่ในการเจรจาหาผู้ร่วมทุนใหม่ หรือ ชักชวนให้ลงทุนต่อ เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของภาคเอกชนที่จะต้องตัดสินใจและดำเนินการด้วยตัวเอง

"ทางเอบีเอ็นแอมโรเขานัดหมายมาว่าจะมาพบ เขาคงมาบอกว่าจะไปแล้วนะ ซึ่งเราก็คงไม่ว่าอะไรเพราะเป็นเรื่องของเอกชนสนใจ แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขาขายมีคนซื้อแน่นอน แต่ไม่ใช่เราแน่ เพราะลำพังธนาคารพาณิชย์ของรัฐที่มีอยู่ก็มากอยู่แล้ว"

ร.อ.สุชาติ กล่าวว่า หากให้มองแนวโน้มของ ธนาคารพาณิชย์ลูกครึ่งทั้งหลายก็คงต้องขยับขยาย เพราะการที่แบงก์อื่นๆ รวมทั้ง บริษัทเงินทุน เริ่มรวมตัวกันเป็นธนาคารพาณิยช์ที่ใหญ่ขึ้น การแข่งขันก็ลำบากขึ้น แต่การจะตัดสินใจควบรวมกับแห่งใดนั้นเป็นเรื่องของเอกชน รัฐคงไม่เข้าไปยุ่ง

"อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่าในปีนี้จะได้เห็นการควบรวมกันของสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 2 ดิว ซึ่งเราก็ได้ดำเนินการเรื่องธนาคารทหารไทย ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแต่ใครจะเป็นรายต่อไป็คงต้องดูกันไป เท่าที่ผมตอบได้คือทางยูโอบีเขาสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในธนาคารไทย แต่จะรวมกับที่ไหนคงตอบไม่ได้มันขึ้นอยู่กับการเจรจา"

ธปท.เร่งฟ้องผู้บริหารรายใหญ่ก่อน

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กล่าวถึงกรณีที่ ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนเพื่อขอให้สถาบันการเงินทุกแห่งดำเนินการอายัดทรัพย์อดีตผู้บริหารธนาคารมหานครที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้ธนาคารเกิดความเสียหายว่า กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ(สศก.) ได้ร้องขอมาก ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น ส่วนคดีการฟ้องร้องผู้บริหารสถาบันการเงินที่เหลือ "ขณะนี้ทางธปท.กำลังเร่งให้ดำเนินการเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งเห็นว่ายังเหลือคดีอีกไม่มาก แต่ธปท.ก็ติดตามผลอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นขอดำเนินการกับรายใหญ่ก่อน" ผู้ว่าการธปท. กล่าว

ธาริษาชี้ผู้ว่าแบงก์ชาติถือหุ้นบ.เอกชนได้

นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) เปิดเผยว่า การที่มีข่าวว่าผู้ว่าการ ธปท. มีหุ้นในบริษัทเอกชนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ผิดเนื่องจากทาง ธปท.ไม่ได้มีข้อห้ามให้ผู้บริหารไปถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆในการลงทุน แต่ ธปท.มีกฎว่าให้ผู้บริหารต้องรายงานให้กับทางคณะกรรมการของ ธปท.ทราบ ถึงรายการสินทรัพย์ที่มีอยู่ และการมีสินทรัพย์ดังกล่าวของผู้บริหารไม่ควรมีเพื่อการซื้อขายเก็งกำไร หากไม่มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือเป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้มีบทบาท ในการบริหารงานก็ไม่น่าจะมีปัญหา อย่างใด ทั้งนี้ ตามกฎของ ธปท. แล้ว ถ้าซื้อแล้ว เก็บไว้เพื่อการลงทุนก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าซื้อๆขายๆ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.