เอส.แพ็ค.-NCเล็งกระจายหุ้นมี.ค.


ผู้จัดการรายวัน(16 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เอส. แพ็ค. แอนด์ พริ้นท์ ระดมทุน 200-250 ล้านบาท เสนอขายมีนาคม เดือนเดียวกับ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ที่คาดว่าระดมทุน 800-1,000 ล้าน บาท ขณะที่บีอีซี-เทโรยื่นไฟลิ่งไปยังก.ล.ต.แล้ว เสนอขายหุ้นจำนวน 50 ล้านหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป

นายพงศกร เที่ยงธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกโก้ แอดไวเซอรี่ จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทาง การเงินหุ้นบริษัทเอส.แพ็ค.แอนด์ พริ้นท์ จำกัดเปิดเผยว่า คาดว่าหุ้นบริษัทเอส.แพ็ค.ฯจะเสนอขายได้ใน ช่วงสัปดาห์ที่ 1 หรือ 2 ของเดือนมีนาคมนี้ โดยจะระดมทุนประมาณ 200-250 ล้านบาท เพื่อที่จะนำเงินไปลงทุนในโครงการสร้างโรงงานผลิตกระดาษ ลูกฟูกแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ เพื่อขยายกำลังการผลิตกระดาษลูกฟูก

ทั้งนี้บริษัทจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 14 ล้านหุ้นมูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 5 บาท ซึ่งมั่นใจว่าหุ้นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีศักยภาพที่ดี มีกำไรอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาได้มีกองทุนเพื่อการร่วม ทุนหรือ Thailand Equity Fund เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 30% ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้อีก เพราะกองทุนดังกล่าวจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี

นอกจากนี้ในส่วนของหุ้นบริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ที่บริษัทซิกโก้ แอดไวเซอรี่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินก็ มีแผนที่จะกระจายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปในเดือนมีนาคมนี้เช่นกัน โดยคาดว่าจะระดมทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาท เพื่อที่จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เงิน กู้ สถาบันการเงิน และเพื่อการลงทุนในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ

บริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งสิ้น 800 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 40 ล้านหุ้นราคาพาร์หุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็น 20% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว สำหรับกรณีที่หุ้นใหม่บริษัทแกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ที่เข้ามาซื้อขายก่อนหน้านี้และราคาหุ้น ปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาจองนั้น นายพงศกร กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการขายหุ้นของบริษัททั้ง 2 แต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจที่แตกต่างกัน

นางพงศกร กล่าวว่า ภายในปีนี้บริษัทจะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯประมาณ 6-7 บริษัทซึ่งรวมบริษัท เอส.แพ็ค.แอนด์ พริ้นท์ และบริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งแล้ว ซึ่งคาดว่าจะระดมเงินทั้งสิ้นประมาณ 3-4 พันล้านบาท

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งว่าเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ สำนักงานได้นับหนึ่งแบบรายการ แสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)หุ้นบริษัทบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์-เทนเม้นท์ ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย มีบริษัทหลักทรัพย์แอสเซทพลัส จำกัด(มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

หุ้นบริษัทบีอีซี-เทโร มีทุนจดทะเบียน 250 ล้าน บาทเรียกชำระแล้ว 200 ล้านบาทราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 50 ล้านหุ้นเพื่อที่จะนำเงินไปชำระหนี้เงินกู้จากบริษัท แม่และสถาบันการเงิน นำมาใช้เป็นเงินทุนหมุน เวียนในบริษัท และนำมาใช้ในการขยายธุรกิจต่อไป

บริษัทบีอีซี-เทโรดำเนินธุรกิจหลัก 5 ประเภท คือธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์และรายการบันเทิง, ธุรกิจการจัดหารายการแสดงและจัดกิจกรรม, ธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ การขายวิดีโอและวีซีดี และการลิขสิทธิ์หนังให้กับต่างประเทศ ,ธุรกิจสื่อหลาย แบบ และธุรกิจการร่วมทุน ได้แก่บริษัทเวอร์จิ้น บีอีซี-เทโร เรดิโอ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย)

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2545 มีรายได้รวม 722.4 ล้านบาท,กำไรสุทธิ 39.2 ล้านบาท สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2546มีรายได้รวม 563.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิจำนวน 38.8 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจาก การขาดทุนจากธุรกิจภาพยนตร์จำนวน 43.3 ล้านบาท โดยเป็นการขาดทุนหลักจากภาพยนตร์เรื่ององคุลีมาล จำนวน 29.3 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนการที่จะลดการลง ทุนในธุรกิจภาพยนตร์ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง แต่จะเน้นการจำหน่ายภาพยนตร์ที่บริษัทเป็น เจ้าของอยู่แล้วให้กับต่างประเทศ เช่น บางระจัน องคุลีมาล และฟ้าทะลายโจร

ด้านนายเจษฎาวัฒน์ เพรียบจริยวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัทนารายณ์แพค ให้การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายในการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.