ทอท.ไอพีโอ37-42บ.มาร์เกตฯ5.5หมื่นล.


ผู้จัดการรายวัน(11 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้ฤกษ์เปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อ 358.8 ล้านหุ้น ราคาระหว่าง 37-42 บาท 2 มี.ค.นี้ พร้อมเทรดในตลาดหุ้นไทย 11 มี.ค. ด้วยมาร์เกตแคปประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท

นายบัญชา ปัตตนาภรณ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยวานนี้ (10 ก.พ.) ว่าขณะนี้ บริษัทกำหนดช่วงราคาที่จะเสนอขายหุ้นเบื้องต้น ระหว่าง 37-42 บาท

การกำหนดช่วงราคาดังกล่าว อยู่บนพื้นฐานกระแสเงินสดบริษัท และค่า EBITDA บริษัทจะมีสัดส่วน หนี้สินต่อทุน 1.2-1.3 เท่า หลังจาก ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเสร็จ รวมถึงหลังจากกระจายหุ้นเสนอขาย ประชาชนทั่วไปแล้ว คาดว่า ค่าพีอีจะอยู่ที่ 9-11 เท่า ขณะที่ค่าพีอี อุตสาหกรรมการบินขณะนี้ 12-14 เท่า การกำหนดราคาขายของหุ้นจะใช้วิธีสำรวจความต้องการนักลงทุนสถาบัน คาดว่าจะสรุปราคาหุ้นได้ภายในวันที่ 2 มี.ค. และจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในวันที่ 11 มี.ค.

ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทยมีมูลค่าหุ้นตามบัญชีสิ้นปี 2546 ประมาณ 37-38 บาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.80 บาท สาเหตุที่กำไร ต่อหุ้นไม่สูงนัก เพราะบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคหวัดมรณะ (ซาร์ส) ช่วงต้นปีก่อน กำไรสุทธิปี 2546 ที่ 4 พันล้านบาท มี นโยบายจ่ายปันผลอย่างต่ำ 25% ของกำไรสุทธิแต่ละปี

นายบัญชากล่าวว่า การกำหนดช่วงราคาเสนอขายนี้ ถือว่าเป็นราคาเหมาะสมนักลงทุนได้รับประโยชน์จากเงินปันผล ทำให้นักลงทุนมั่นใจการลงทุนกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย

ส่วนเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งนี้ 358.8 ล้านหุ้น แบ่งเป็น หุ้นที่เสนอขายประชาชน และนักลงทุนในประเทศ 215.28 ล้านหุ้น คิดเป็น 60% ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด แบ่งเป็นนักลงทุน สถาบัน 52 ล้านหุ้น ข้าราชการและนักลงทุนรายย่อย 56 ล้านหุ้น บุคคลทั่วไป 85.28 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณ 22 ล้านหุ้น ที่เหลืออีก 40% จะเสนอขายนักลงทุนต่างประเทศ 143.52 ล้านหุ้น ซึ่งจะเปิดจองซื้อหุ้นได้ภายในวันที่ 26-27 ก.พ. และ 1 มี.ค.

".การขายหุ้นครั้งนี้มีความพิเศษ เป็นหุ้นสนามบินครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่จัดสรรหุ้นให้กับข้าราชการทั่วประเทศเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 16 ล้านหุ้น ก่อนหน้านี้ ได้จัดสรรหุ้นให้พนักงานของ ทอท. 16 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท ซึ่งพนักงานจะไม่สามารถ ขายหุ้นออกมาภายในเวลา 1 ปี"

นักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้น เปิดจองผ่านธนาคารกสิกรไทย กรุงเทพ กรุงไทยและทหารไทย กำหนดจองขั้นต่ำ 500 หุ้น แต่ไม่เกิน 20,000 หุ้น ราคาเบื้องต้น 42 บาท แต่ถ้าราคาที่บุ๊คบิวด์ต่ำกว่านี้ จะคืนเงินส่วนเกินให้กับผู้จองซื้อภายใน 2 สัปดาห์ แต่ถ้าเกินระยะเวลาดังกล่าว จะให้ดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

ท่าอากาศยานไทย เป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เกต แคป) ประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท

นายบัญชากล่าวว่า เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะนำไปขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะบริการคุณภาพมาตรฐานระดับโลก เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก และทันสมัย ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสร้าง 1.2 แสนล้านบาท โดย 7 หมื่นล้านบาท จะมาจากกู้เงินจากธนาคาร เพื่อการปรับโครงสร้างระหว่างประเทศ (เจบิก) ของญี่ปุ่น อีก 5 หมื่นล้านบาท จะมาจากการระดมทุนครั้งนี้ รวมถึงกระแสเงินสดในองค์กร

ขณะนี้ ทอท.พร้อมจะจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีการประชุมชี้แจงพนักงานภายใน ทั้ง 6 สนามบิน และมีกำหนดจะจัดชี้แจงนักลงทุนทั่วไปครั้งแรกวันที่ 12 ก.พ.นี้ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากนั้นจะเดินทางชี้แจงนักลงทุนต่างจังหวัด ประกอบด้วย นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ตและหาดใหญ่ พร้อมกับเดินทางชี้แจงนักลงทุนต่างประเทศ 3 ทวีป 16 เมือง คือ ญี่ปุ่นฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ ยุโรป และสหรัฐฯ

ปัจจุบันทอท.ทุนจดทะเบียน 14,285.7 ล้านบาท กระทรวงการคลังถือหุ้น 70% โดยบริษัทจะ ออกกรีนชู 53.77 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายนักลงทุน สถาบัน กรณีความต้องการเกิน การที่กำหนดให้มีกรีนชู จะช่วยทำให้ราคาหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นการพยุงราคาหุ้นไม่ให้ต่ำกว่าจอง เมื่อหุ้นบริษัทเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้น

ทางด้านนายบุญชัย ศรีปรัชญาอนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน ทอท. กล่าวว่าตามที่มีกระแสข่าวว่าราคาจองหุ้นทอท. หุ้นละ 50 บาท เป็นความสับสน ระดับราคาจองที่กำหนด 37-42 บาท ผ่านคณะกรรมการระดมทุน และผ่านคณะกรรมการบริหารทอท.แล้ว

การจัดสรรหุ้น ทอท.ให้นักลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศ 55-60% เนื่องจากเป็นการ ตกลงกับบริษัท เพราะทุกฝ่ายมองว่า นักลงทุนรายย่อยจะขายทำกำไรทันทีเมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นกว่าราคาจอง ดังนั้น จึงพยายามกระจายให้รายย่อยที่ถือยาว เช่น ผู้ฝากเงิน ข้าราชการ ทั้งนี้ ไม่กังวลที่มีหุ้นใหม่หลายบริษัทกระจายหุ้นลักษณะกระจุก เพราะเป็นหุ้นแตกต่างกันเชิงธุรกิจ และหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ 5,000-10,000 ล้านบาท มีไม่ถึง 10 บริษัท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.