ปิคนิคฯสยายปีกค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวข้ามชาติ ตั้งบริษัทย่อยที่สิงคโปร์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปเทกโอเวอร์บริษัท
เอส.เอส.ซี เปโตรฯ ที่เวียดนาม มูลค่า 468 ล้านบาท "ธีรัชชานนท์" คาดไตรมาส 4/2546
มีกำไรเกิน 100 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้ของธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลวและวิศวกรรม
ลั่นปีนี้จะมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณขายก๊าซฯที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
นายธีรัชชานนท์ ลาภวสุทธิสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิคแก๊ส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง
จำกัด (มหาชน) (PICNI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯครั้งที่ 2/2547 เมื่อวันที่
6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติ อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยในนาม Pinic Gas And Engineering
(Singapore) Company Limited เพื่อประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียม เหลว(LPG) ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์
โดยมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่ง PICNI ถือหุ้น 100%
นอกจากนี้ จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2546 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม
2546 ให้ซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บริษัท เอส. เอส. ซี เปโตร ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของ SCT Vietnam Gas Co.,Ltd. ในประเทศเวียดนาม
ซึ่งเข้าไปลงทุนธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลวในเวียดนาม ภายใต้แบรนด์ V-GAS
โดย PICNI จะเข้าลงทุนใน บริษัท เอส. เอส. ซี. เปโตรดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่มีทุน
จดทะเบียนมูลค่า 40 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4 ล้านหุ้น โดย มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ
10 บาท โดย บริษัท เอส.เอส.ซี. เปโตรดีเวลลอปเมนท์ ซึ่ง PICNI จะเข้าถือหุ้นใน
บริษัท เอส.เอส.ซี. เปโตรดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นจำนวน 3,999,994 หุ้น คิดเป็น
99.99% ของทุนจดทะเบียน รวม มูลค่าหุ้นทั้งสิ้น 39,999,940 บาท
โดยบริษัทจะจ่ายเงินเพื่อการลงทุนในครั้งนี้เท่ากับ 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า
468 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาที่ผู้ขายเสนอที่ 480 ล้านบาท โดยแหล่งเงินจะมาเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทขยายการประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวในประเทศเวียดนาม
ผ่านทาง SCT Vietnam Gas Co.,Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอส.เอส.ซี. เปโตรดีเวลลอปเมนท์
จำกัด
การขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ ทำให้ตราสินค้า"ปิคนิค" ของบริษัทเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ
โดยบริษัทฯเตรียมนำถังก๊าซหุงต้มขนาด 4 กิโลกรัมเข้าไปจำหน่ายในเวียดนาม ด้วย คาดว่าจะเป็นที่ยอม
รับของผู้ใช้ ในเวียดนาม ซึ่งบริษัทฯมีนโยบายที่จะเป็นผู้นำถังก๊าซหุงต้มขนาด 4
กิโลกรัมในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ ที่ ประชุมฯได้มีมติ อนุมัติการแต่งตั้ง นายวิรัช พันธุมะผล เข้าดำรงตำแหน่ง
กรรมการและกรรม การตรวจสอบแทน นายวินัย เลาหประสิทธิ์ โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ลาออก
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/2546 บริษัทฯคาดว่าจะมี กำไรสุทธิเกินกว่า 100 ล้าน
บาท ขณะที่งวด 9เดือนแรกของปี 2546 มี กำไรสุทธิ 139 ล้านบาท โดยบริษัทคาดการณ์จากรายได้จากการดำเนิน
งานในส่วนของธุรกิจก๊าซที่สูงขึ้นเป็น 797 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงของ High season
ของตลาด LPG และในส่วนธุรกิจวิศวกรรมก็มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 264 ล้านบาท เนื่อง
จากบริษัทมีการรับรู้รายได้จากงานที่รับเข้ามามากขึ้นในปีนี้ นอกจากนั้นแล้ว บริษัทยังมีกำไร
ขั้นต้นจากธุรกิจ LPG ที่สูงขึ้นเนื่องจากการซื้อในปริมาณมากอีกด้วย
นายธีรัชชานนท์ กล่าวว่า ในปีนี้ ถือเป็นปีทองของปิคนิคฯ เนื่องจากมีปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลวเพิ่มขึ้นจากเดิม
2 หมื่นตันต่อวันเป็น 2.5 หมื่นตันต่อวัน รวมทั้งมี รายได้จากการเทกโอเวอร์บริษัทในประเทศเวียดนาม
ซึ่งมียอดจำหน่าย 7,000 ตันต่อวัน ดังนั้น ในปีนี้ บริษัทฯจะยอดจำหน่ายก๊าซรวมประมาณ
34,000 ตันต่อวัน ประเมินว่าทั้งปีบริษัทฯจะมีรายได้จากธุรกิจก๊าซหุงต้ม 4 พันล้านบาท
ยังไม่นับรวมรายได้ที่เกิดจากการงาน วิศวกรรม ที่บริษัทพยายามที่จะขยายธุรกิจออกไป
สำหรับราคาหุ้น PICNI วานนี้ (9 ก.พ.) เปิดตลาดที่ 18.00 บาท ก่อนมีแรงเทขายทำกำไรออกมาจน
ปิดภาคเช้าที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท เปลี่ยน แปลง 4.14% มูลค่าการ ซื้อขาย
151.71 ล้านบาท หลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นเครื่อง หมาย H เพื่อหยุดพักการซื้อขาย
หลักทรัพย์บริษัท ปิคนิคแก๊ส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เป็น การชั่วคราวตั้งแต่
การซื้อขายภาคบ่าย ของวันที่ 9 ก.พ. เนื่องจากปรากฏสารสนเทศสำคัญเกี่ยวกับการเปิดเผยผลประกอบการ
ในไตรมาสที่ 4 /2546 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ