ไฮเนเก้นเล็งปั้นไทยเป็นฐานการผลิตเอเชีย ประเดิมส่งออกมาเลเซีย-สิงคโปร์ เล็งขยายเพิ่ม 2-3ประเทศ มั่นใจปีแรกโกย 100 ล้านบาท วางหมากส่งเบียร์แบรนด์ใหม่ บุกตลาดไทย หลังทุ่ม 2,900 ล้านบาท ผุดสร้างโรงเบียร์ขยายกำลังการผลิต 200 ล้านลิตร มั่นใจแผน 3 ปี ยอดส่งออกพุ่ง 30% และแบรนด์ใหม่มีรายได้ 30% ส่วนสิ้นปีตั้งเป้าโต 10% โกยรายได้ 7,200 ล้านบาท
นายปัญญา ผ่องธัญญา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด
ผู้ผลิตและ จำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบ 2,900 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงานผลิตเบียร์ในจังหวัดนนทบุรีเพิ่มจาก
100 ล้านลิตรเป็น 200 ล้านลิตร หรือ 1,000,000 ขวดต่อวัน เนื่องจากบริษัทมีเป้าหมายที่จะให้ไทย
กลายเป็นฐานการส่งออกในภูมิภาคเอเชีย และรองรับแผนการทำตลาดเชิงรุก ด้วยการผลิตสินค้าแบรนด์ใหม่ภายใต้เครือที่บริษัทจะเปิดตลาดในไทย
อีกทั้งยังรองรับความต้องการภายในประเทศ จากแนวโน้มพฤติกรรมการดื่มเบียร์ของคนไทยเริ่มหันมาดื่มเบียร์พรีเมียมมากขึ้น
ทำให้ปีที่ผ่านตลาดพรีเมียมเติบโตถึง 6%
สำหรับแผนการส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เริ่มส่งออกเบียร์ไฮเนเก้นไปแล้วที่ประเทศสิงคโปร์
มาเลเซีย และวางเป้าจะส่งออกอีก2-3ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคาดว่าปีแรกบริษัทจะมีรายได้จากการส่งออก
100 ล้านบาท และเป้าหมาย 3 ปี วางสัดส่วนรายได้ไว้ที่ 20-30 % สำหรับการทำตลาดเบียร์ตัวใหม่
ขณะนี้บริษัทวางแผนที่จะนำแบรนด์ ไทเกอร์ ซึ่งเป็นเบียร์ระดับสแตนดาร์ดบวก แองเคอร์
ฯลฯ เข้ามาตลาดเมืองไทย โดยขณะนี้กำลังศึกษาแบรนด์และความเหมาะสมกับภาวะตลาด เพราะผลพวงจากการที่ภาครัฐเข้มงวดการทำโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ ทำให้การนำแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดยากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าบริษัทจะเริ่มนำแบรนด์ใหม่เข้ามาตลาดครึ่งปีหลัง
"ขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ เกี่ยวกับการผลิต ซึ่งอนาคตมีแนวโน้มที่จะให้โรงงานที่มีอยู่ทั้ง
14 แห่ง ใน 8 ประเทศภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น สิงคโปร์อาจจะผลิตเบียร์ไทเกอร์ส่งออกในเอเชีย
เพราะแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จในตลาดสิงคโปร์ครองส่วนแบ่ง 80% มาเลเซีย กัมพูชา
เวียดนาม นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี และจีน ซึ่งในเร็วๆนี้บริษัทจะขยายกำลังการผลิตโรงงานเพิ่ม"
สำหรับแผนการทำตลาดปีนี้ บริษัทได้ทุ่มงบการตลาด 650 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านใช้งบ
600 ล้านบาท โดยเน้นทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมมิวสิกมาร์เกตติ้ง ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ไฮเนเก้น
และรองรับภาวะการแข่งขันตลาด นอกจากนี้ได้ทุ่มงบ 30 ล้านบาท เพื่อขยายเบียร์สดระบบอีซี่ดราฟท์
ซึ่งสามารถเก็บเบียร์สดได้นานถึง 21 วัน จากเดิมเก็บไว้แค่เพียง 3 วัน ตามร้านอาหารและสถานบันเทิงเพิ่มขึ้นอีก
200 แห่ง จากปัจจุบันบริษัทขยายไปแล้ว 200 แห่ง
แนวโน้มตลาดรวมเบียร์ปีนี้เติบโต 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 80,500 ล้านบาท เชิงปริมาณ
1,595 ล้านลิตร จากปีที่ผ่านมาตลาดรวมเบียร์มูลค่า 73,200 ล้านบาท ในเชิงปริมาณ
1,450 ล้านลิตร ขณะที่เบียร์อีโคโนมีซึ่งมีสัดส่วนในตลาด 78% ยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุดคือ
12% ตามด้วยเบียร์พรีเมียมมีสัดส่วนตลาด 10% เติบโต 7% และเบียร์สแตนดาร์ดสัดส่วน
12% เติบโต 3 % ส่วนพฤติกรรมการดื่มเบียร์ของคนไทยปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% จากปัจจุบันปริมาณการดื่มเบียร์
22 ลิตรต่อคนต่อปี
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 7,200 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมามีรายได้
6,600 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันไฮเนเก้นเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80% ในตลาดพรีเมียม
ส่วนตลาดโดย รวมมีส่วนแบ่ง 6% ภายใน 3-4 ปี ตั้งเป้าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 10%