หุ้นดีด5%หวิดชน700ขาใหญ่ทยอยเข้าพอร์ต


ผู้จัดการรายวัน(4 กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

หุ้นไทยผันผวนต่อวานนี้ ก่อนดีดกลับแรง 32.42 จุด พุ่งเกือบ 5% เกือบชน 700 ขาใหญ่เริ่มกลับเข้าเก็บของเข้าพอร์ต "ยรรยง พันธุ์วงกล่อม" ตั้งเป้าทยอยซื้อหุ้น พื้นฐานแน่นเข้าพอร์ต 70% คาดหวังฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 10% ด้านนักลงทุนต่างชาติหันกลับซื้อสุทธิ 1,551 ล้านบาท ขณะที่ กบข.ช้อนซื้อของถูก ด้าน "ทักษิณ" ลั่น หุ้นน่าลงทุน ถ้าไม่นั่งเก้าอี้นายกฯ ทุ่มเงิน 2-3 พันล้านเข้าไปซื้อลงทุนแล้ว แนวโน้มยังผันผวน หุ้นมีสิทธิ์เดินหน้าแตะ 720 จุด

ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วานนี้ (3 ก.พ.) ดัชนีมีความผันผวนอย่างมากตลอดทั้งวันซื้อขาย โดยเปิดตลาดดัชนีลดลง 7.28 จุดหลังจากนั้นก็มีแรงเทขายออกมาทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 649.31 จุดลดลง 18.02 จุด แต่ในช่วงบ่ายได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีสามารถปรับตัวในแดนบวกได้โดยปิดที่ระดับ 699.75 จุดเพิ่มขึ้น 32.42 จุดหรือ 4.86% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดของวัน มีมูลค่าการซื้อขาย 37,100.71 ล้านบาท การซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่านักลงทุนต่าง ประเทศซื้อสุทธิ 1,551.01 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,039.28 ล้านบาทและนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 511.73 ล้านบาท

นายยรรงยง พันธุ์วงกล่อม นักลงทุนรายใหญ่เปิดเผยว่า เพิ่งจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาด หุ้นเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) เป็นวันแรก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้หยุดพักการซื้อขายไประยะหนึ่ง สาเหตุที่เริ่มกลับมาเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเนื่องจากประเมินว่าภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลงมาเร็วและแรง มากจนเกินไป จึงมองว่าน่าจะใกล้ถึงระดับที่ดัชนีมีโอกาสดีดตัวขึ้นมาได้แล้ว อย่างไรก็ตามโอกาสที่ภาวะตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อก็ยังมีโอกาสเช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าความเสี่ยงในการลงทุน ในระดับดัชนีขณะนี้ถือว่ามีความเสี่ยงที่ต่ำ

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนในรอบนี้มีแผนที่จะเลือก ที่จะซื้อหุ้นเข้าพอร์ตประมาณ 70% ของพอร์ตการ ลงทุนโดยรวม โดยจะเลือกซื้อหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงมากก่อนหน้านี้ และต่อมาราคาก็ปรับตัว ลดลงมาแรงเช่นกัน เช่นหุ้นในกลุ่มสื่อสารบางตัว กลุ่มหลักทรัพย์และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยจะคำนึงถึงหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และราคาอ่อนลง โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างน้อยประมาณ 10%

"ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมาก ซึ่งช่วง ที่ขึ้นก็ขึ้นจนร้อนแรงเกินไป และเมื่อดัชนีปรับตัวลดลงก็ลงมาโอเวอร์จนเกินไป ซึ่งการลงทุนจะต้องพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งจริงๆ แล้วตั้งใจจะเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่ช่วงที่ดัชนีอยู่ในระดับประมาณ 680 จุดตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์แล้ว แต่เห็นว่ามีแรงขายออกมามากจึงรอดูสถานการณ์ อีกระยะและเพิ่งจะเข้ามาลงทุนใหม่อีกครั้งในช่วง เช้าวันที่ 3 กุมภาพันธ์เพราะเห็นว่าภาวะตลาดหุ้น ปรับตัวลงมาแรงจนเกินไป"

นายยรรยงกล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากสภาพ ตลาดหุ้นแล้วมองว่าตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาแรงแต่ไม่สามารถผ่านระดับ 800 จุดได้ ดังนั้น จึงเป็นช่วงของการปรับฐาน ซึ่งถ้าไม่มีปัจจัยลบเกี่ยวกับไข้หวัดนกเข้ามากระทบเชื่อว่าดัชนีคงจะปรับฐานไม่รุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยไข้หวัดนกนั้นเชื่อว่ามีผลกระทบในช่วงสั้นและในวงไม่กว้าง ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนไม่เปลี่ยน แปลงแต่อย่างใด แต่ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงเพราะเป็นผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น

นายกมล เอี้ยวศิวิกูล ประธานกรรมการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (MIDA) ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า ได้หยุดการซื้อขายหุ้นในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมาหลายวันเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยหุ้นที่อยู่ ในพอร์ตส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีและสามารถถือลงทุนได้ ดังนั้น จึงยังไม่มีการขายหุ้น ล้างพอร์ตแต่อย่างใด เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่นิยมการขายตัดขาดทุน (cut loss) แต่การเล่นหุ้นจะเป็นลักษณะของการซื้อลงทุนระยะยาว ส่วนหุ้นเก็งกำไรมีในพอร์ตบ้างเล็กน้อยไม่ถึง 10% ดังนั้น เมื่อตลาดแพนิคจึงไม่จำเป็นต้องเทขายออกมาแต่จะเป็นในลักษณะชะลอการซื้อขายมากกว่า

"หลักการเล่นหุ้นของผมจะดูที่เงินมากกว่า หากมีเงินเหลือก็จะซื้อหุ้นที่คิดว่าดี ส่วนหุ้นเก็งกำไรมีบ้างแต่ก็ไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกซื้อหุ้นที่มีขนาดกลางที่มีสภาพคล่องดีไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่ เพราะหุ้นที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ผู้เล่นจะเป็นพวกกองทุน ซึ่งต้องยอมรับว่าเราสู้เค้าไม่ได้ทั้งในด้านเม็ดเงินหรือประสบการณ์ในการเล่นหุ้น" นายกมลกล่าว

นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้กล่าว ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ดัชนีปรับตัวลดลงมามากว่า หากตนไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเป็นเพียงนักธุรกิจเหมือนนักลงทุนธรรมดา ก็จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น 2-3 พันล้านบาท เพราะเห็นว่าเป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปทำกำไรระยะสั้น

นายวรุตม์ ศริวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีตลาดปรับตัวสูงขึ้นคือการที่นักลงทุนรายใหญ่ในตลาด และนักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อหุ้นมาร์เกตแคปใหญ่ ทำให้นักลงทุนรายย่อย แห่ซื้อตาม ประกอบกับการที่ดัชนีตลาดได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นราคาถูก

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยไทย บล.เอบีเอ็นแอมโร เอเชีย จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้ (4 ก.พ.) อาจมีการรีบาวนด์ในช่วงสั้นๆก่อน จะเริ่ม ทรงตัวต่อโดยมองแนวรับที่ 670-680 จุด แนวต้านที่ 710-720 จุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการคลี่คลายปัญหาไข้หวัดนก และการกระตุ้นตลาดจากนักลงทุนรายใหญ่ยังมีต่อเนื่อง

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ได้มีกระแสข่าวลือในห้องค้าว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญ ข้าราชการ (กบข.) ได้เข้ามาซื้อหุ้น เนื่องจากรัฐบาลไม่ต้องการเห็นหุ้นปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้ โดยจะสังเกตได้จากหุ้นที่อยู่ในการดูแลของรัฐบาลเช่นหุ้นบริษัทปตท.,ธนาคารกรุงไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ค่อนข้างแรง

เมื่อวานนี้ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กล็อต) ในหุ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพในกระดานต่างประเทศ(BBL-F) จำนวน 1 รายการ 50,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย4.800 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 96.00 บาท,หุ้นบริษัทบีอีซีเวิลด์(BEC)จำนวน 3 รายการ 894,800 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 17.075 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 19.08 บาท, หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) จำนวน 1 รายการ 500,000 หุ้นมูลค่า การซื้อขาย 26.00 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 52.00 บาท,หุ้นธนาคารกสิกรไทยในกระดานต่างประเทศ (KBANK-F) จำนวน 2 รายการ 190,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 10.66 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 52.00 บาท

หุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) จำนวน 7 รายการ 2,345,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 26.084 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.12 บาท,หุ้นบริษัทปตท. (PTT) จำนวน 5 รายการ 315,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 47.261 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 150.03 บาท, หุ้นบริษัทปตท.ในกระดานต่างประเทศ (PTT-F) จำนวน 1 รายการ 95,000 หุ้นมูลค่า การซื้อขาย 14.149 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 148.94 ล้านบาท,หุ้นบริษัทปูนซีเมนต์ไทย (SCC)จำนวน 1 รายการ 223,000 หุ้นมูลค่าการซื้อขาย 52.508 ล้านบาทในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 235.46 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.