p> ไมด้า ลิสซิ่ง เตรียมขายหุ้น IPO พฤษภาคมนี้ โดยเบื้องต้นจัดสรรให้กับ MIDA 25%
ก่อนขายให้ประชาชนทั่วไปประมาณ 100-150 ล้านหุ้น ส่วนเงินที่ได้จะนำไปใช้ขยายงานและชำระหนี้บางส่วน
นายธีรวัฒน์ เกียรติสมภพ กรรม การผู้จัดการ บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์ อินเทล วิชั่น จำกัด เป็นที่ปรึกษาการเงิน
เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนมิถุนายนปีนี้
โดยเบื้องต้น ไมด้า ลิสซิ่ง จะออก หุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับ บริษัท ไมด้า แอสเซทเมเนจเม้นท์
จำกัด(มหาชน) (MIDA) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก่อนแล้ว
ด้วยการออกหุ้นเพื่อให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน
25% หลังจากนั้นจึงจะกระจายหุ้นขายให้นักลงทุนทั่วไป (IPO) 150 ล้านหุ้น กลางปีนี้
และภายหลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนเสร็จแล้ว จะให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น
550 ล้านบาท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทจะนำไปใช้ในการขยายพอร์ต และชำระหนี้บางส่วน
โดยส่วนใหญ่เป็น หนี้เงินกู้จากธนาคารกสิกรไทย และที่ผ่านมาบริษัทได้รับการสนับสนุนด้าน
การเงินมาอย่างดี และวานนี้บริษัทได้ลงสัญญาเพื่อรับการสนับสนุนจากธนาคารดังกล่าวแล้ว
ปัจจุบัน ไมด้า ลิสซิ่ง มีภาระหนี้กับแบงก์ดังกล่าวอยู่ประมาณ 1 พันล้านบาท
สำหรับแผนงานปีนี้ บริษัทจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 15 สาขา จากเดิมที่มีสาขาอยู่ 8
สาขา เพื่อให้ครอบ คลุมพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศ โดยแผนงานปี47 บริษัทจะเปิดสาขาเพิ่มอีก
7 -8 สาขาในไตรมาส 1 ที่ ขอนแก่น อุบลราชธานี และสุราษฎร์ธานี และใน ไตรมาส 2 จะเปิดสาขาที่ภูเก็ต
และเพชรบูรณ์ ส่วนไตรมาส 3 เปิดที่สาขา สระบุรี และหาดใหญ่ จะทำให้ไมด้า ลิสซิ่ง
มีสาขาทั้งสิ้น 16 แห่ง และในปี48 จะเปิดสาขาใหม่อีก 5 สาขา
ปัจจุบัน บริษัทมีบัญชีลูกหนี้เช่าซื้อกว่า 6,000 ราย และมีมูลค่าการเข้าซื้อประมาณ
1 พันล้านบาท โดยส่วน ใหญ่เป็นลูกค้ารถเก่า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนระหว่างรถใหม่กับรถเก่า
คือ 70% และ 30% ตามลำดับ และเมื่อขยายสาขาตามเป้าหมาย มั่นใจว่าในอนาคตบริษัทจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง
1 หมื่นราย และขยาย การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อถึง 1.8 พันล้านบาท
นายธีรวัฒน์ยอมรับว่ามาตรการ mastre plan ของรัฐที่ออกมานั้น จะไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
เพราะธุรกิจเช่าซื้อถือเป็นทางเลือกใหม่ของประชาชนและให้ประโยชน์ต่อผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
เนื่องจากพบว่าราคารถมอเตอร์ไซค์ใหม่ราคาสูงครึ่งแสน ทำให้มีการหันมาซื้อรถยนต์มือสองมากขึ้น
หรือแม้แต่การซื้อรถมือ หนึ่งที่ผ่อนกับบริษัทลีสซิ่งมีมากขึ้น และหากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับเพิ่ม
จะไม่มีผลต่อธุรกิจเช่าซื้อเท่าใดนัก
ขณะที่การแข่งขันของธุรกิจนี้ ด้วยความที่มีพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานมานาน
ประกอบกับการ มีเอาต์เลตอยู่ครอบคลุม สามารถให้บริการกับลูกค้าได้ จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจ
ลูกค้าได้มาก เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน
สำหรับผลการดำเนินงานเมื่อปี 45 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10 ล้านบาท ปี 46 กำไร 20
ล้านบาทและ คาดว่าในสิ้นปี 47 บริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 125 ล้าน บาท และจะเพิ่มเป็นดับเบิลขึ้นอีกในปี
48 เนื่องจากการเปิดสาขามากขึ้น และเมื่อเปิดดำเนินงานแล้ว จะทำให้สร้างรายได้เข้าบริษัทเข้ามาอีก
บริษัทไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 43 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
300 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนอีก 100 ล้านบาท ให้กับ MIDA โดยไมด้า ลิสซิ่ง ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์มือสอง
ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล(รถเก๋ง) รถยนต์เชิงพาณิชย์ แก่ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดา
และนิติบุคคล รวมทั้งให้เช่าซื้อรถแท็กซี่มิเตอร์แก่ผู้ประกอบการด้วย