ฟินิคซ พัลพฯกำไรงวดปี 46 อยู่ที่ 1,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น แค่ 8% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
ฉุดกำไรขั้นต้นลดลง ประกาศจ่ายปันผลผู้ถือหุ้นสามัญอัตรา 4.00 บาทต่อหุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ
4.50 บาทต่อหุ้น ด้านไทยเคนเปเปอร์โชว์กำไรเฉียด 800 ล้าน แต่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ถึง
728 ล้านบาท
นางสาวสุรีพร อังศุธรรังสี ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บริษัท ฟินิคซ พัลพ แอนด์
เพเพอร์ จำกัด (มหาชน)(PPPC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
2546 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 1,160.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.11% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
1,073,82 ล้านบาท คิด เป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 9.59 บาท สูงขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
8.87 บาท
โดยในปี 2546 ราคาเยื่อกระดาษในตลาดโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเป็นผลให้ราคาขายเยื่อกระดาษของบริษัทสูงขึ้น
3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เมื่อประกอบกับปริมาณการขาย ที่สูงขึ้นยอดขายสุทธิของบริษัท
จึงปรับตัวสูงขึ้น 5% ส่งผลให้มียอดขายสุทธิในปี 2546 เป็นจำนวน 4,184 ล้าน บาท
โดยเป็นการขายในประเทศ 62% ของยอดขายรวมในขณะที่ยอดขายในต่างประเทศมีสัดส่วน 38%
แม้ยอดขายสุทธิจะสูงขึ้นแต่กำไร ขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนขายที่สูงขึ้น 11%
ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการ ปรับตัวของราคาวัตถุดิบและเชื้อเพลิง ในปีนี้บริษัทสามารถผลิตเยื่อกระดาษได้
231,780 ตัน นับเป็นกำลังการผลิตสูงสุดของบริษัท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายสูงขึ้น ตามสัดส่วนการส่งออกที่เพิ่มขึ้นแต่ ค่า ใช้จ่ายในการบริหารลดลงเหลือเพียง
139 ล้านบาท จากยอด 535 ล้านบาทในปี 2545 เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน
275 ล้านบาทและค่าความช่วยเหลือทางเทคนิคและบริการจำนวน 105 ล้านบาท ซึ่งรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายประจำปี
2545 ดอก เบี้ยและค่าใช้จ่ายทางการเงินยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจากยอด 21 ล้านบาท
ในปี 2545 เหลือเพียง 6 ล้านบาท ในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯมียอดเงินกู้ยืมระยะยาวเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 93 ล้านบาท การนำผลขาดทุนซึ่งยังไม่ได้ใช้ในปี
ก่อนๆ ยกมาหักกับกำไรสุทธิของบริษัท ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2545 ได้สิ้นสุดลงใน
ไตรมาสที่สองของปี 2546 บริษัทจึงมีภาระภาษีที่ต้องชำระในปี 2546 จำนวน 218 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา จึงเห็นควรเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่
1/2547 เพื่ออนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายของปี 2546 ให้แก่ผู้ถือหุ้นดังนี้
คือ หุ้นสามัญจำนวน 110,193,620 หุ้น จ่าย ปันผลในอัตราหุ้นละ 4.00 บาท ส่วน หุ้นบุริมสิทธิจำนวน
9,806,380 หุ้น ปันผลในอัตราหุ้นละ 4.50 บาท กำหนด วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวในวันที่
29 มีนาคม 2547 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 16 เมษายน 2547 โดย กำหนด วันประชุมใหญ่สามัญประจำปีผู้ถือหุ้น
ครั้งที่ 1/2547 ในวันที่ 22มีนาคม 2547
TCP อนุมัติงดจ่ายเงินปันผล
นายสมบูรณ์ ชัชวาลย์ กรรมการ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (TCP) แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี
มีกำไรสุทธิ 791.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อ เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
127.40 ล้านบาท คิดเป็นกำไร สุทธิต่อหุ้น 3.48 บาท สูงกว่าปีก่อนที่มี กำไรสุทธิต่อหุ้น
0.85 บาท โดยกำไรที่เติบโตขึ้นนี้เป็นกำไรจากการปรับโครง สร้างหนี้ 728.40 ล้านบาท
และเป็นกำไร จากการดำเนินงาน 63.58 ล้านบาท ซึ่ง เมื่อรวมผลการดำเนินงานกับปี 2545
ที่มีขาดทุนสะสมยกมาจำนวนทั้งสิ้น 341.09 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรสิ้นปี 2546 เป็น จำนวนทั้งสิ้น
428.35 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงาน 63.58 ล้านบาท และต้องจัดสรรกำไรสุทธิ
ประจำปี จำนวนทั้งสิ้น 22.45 ล้านบาท เป็นทุนสำรองตามกฎหมาย และกันสำรองไว้ สำหรับการดำเนินงานของ
บริษัทฯ จึงเห็นสมควรเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้งดจ่ายเงินปันผลประจำปี
2546
ที่ประชุมได้รับทราบการลาออกของกรรมการ 2 คน คือ นางสาวชอญ โซเดอเบอร์ก และนายเคนท์
เอ็ม. บลัมเบิร์ก จึงมีมติแต่งตั้งกรรมการของ บริษัทฯ แทนตำแหน่งที่ว่างลง ดังนี้
คือ แต่งตั้งนายเชาวลิต เอกบุตร เป็นกรรม การแทนนางสาวชอญ โซเดอเบอรก โดย ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
แต่งตั้งนายยรรยง พุทธาพิพัฒน์ เป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการแทนนายเคนท์ เอ็ม.
บลัมเบิร์ก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2547 เป็นต้นไป