เมื่อไทยถูกกล่าวหา

โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

แซงต์-อิปโปลิต (Eglise Saint-Hippolyte) เป็นโบสถ์ในเขต 13 ของกรุงปารีส ซึ่งถือเป็นย่านคนจีน ด้วยว่าเป็นศูนย์รวมชาวอินโดจีนที่อพยพหนีภัยคอมมิวนิสต์ในทศวรรษ 70 เจ้าอาวาสและบาทหลวงประจำโบสถ์นี้ จำต้องปรับรูปแบบการดำเนินพิธีทางศาสนาในวันอาทิตย์และกิจกรรมต่างๆ ให้เข้ากับชาวบ้านในเขตปกครองของตน อีกทั้งต้องไม่มีอคติเกี่ยวกับเชื้อชาติ เพราะผู้มาโบสถ์วันอาทิตย์นั้นเป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายเอเชีย อาหรับและชนผิวดำจำนวนมากพอๆ กับชาวฝรั่งเศสแท้

ในเดือนสิงหาคม 2003 ฆราวาสที่เป็นอาสาสมัครทำงานให้โบสถ์แซงต์-อิปโปลิต ได้เดินทางมาประเทศไทยร่วมกับหนุ่มสาวที่ทำงานให้กับองค์การพัฒนาเอกชนชื่อ Young People for Development ในโครงการที่ชื่อ Acteurs de Developpement แปลได้ว่า ผู้นำในการพัฒนา เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาและสร้างผู้นำในการพัฒนาในแต่ละประเทศ ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นเยาวชนประมาณ 50 คน จากประเทศจีน เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซียพม่า เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และประเทศไทย

การเดินทางมาครั้งนี้มุ่งมาที่กรุงเทพฯ จังหวัดภาคกลาง และภาคเหนือแถบชายแดนพม่า ได้เห็นกรุงเทพฯ ที่ทันสมัย ตึกระฟ้ามีสลัมอยู่ชิดใกล้ ที่พิเศษยิ่งคือ ช้างที่เดินเพ่นพ่านตามถนนกลางใจกรุง เยาวชนเหล่านี้มีโอกาสสัมผัสธรรมชาติ ใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวกะเหรี่ยงเยือนโรงพยาบาลของแพทย์หญิงซินเทีย โครงการหลวงปลูกไม้ดอก แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

ส่วนกลุ่มผู้แทน Young People for Develop-ment ที่กรุงเทพฯ ไปเยี่ยมศูนย์บำบัดผู้ป่วยโรคเอดส์ (Mercy Center) และร่วมกิจกรรมในสถานปฏิบัติธรรม ในอาศรมของเอกชนที่สอนธรรมะ การทำสมาธิ และกิจกรรมที่มุ่งปลูกฝังเยาวชนไทยให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ละม้ายกิจกรรมของคริสต์ศาสนิกชนคาทอลิก

เมื่อชาวคณะเดินทางกลับกรุงปารีส ได้รายงานเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ที่โบสถ์แซงต์-อิปโปลิต ในใบแจ้งข่าวนั้นบ่งว่าจะมีผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในประเทศไทยมาร่วมสนทนาด้วย หากเมื่อถึงวันงาน กลับเป็นกะเหรี่ยงพม่าที่อยู่ในกรุงปารีสในขณะนั้น

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนา และโลกาภิวัตน์แบ่งเป็นกลุ่มย่อย โดยมีเจ้าหน้าที่ของ Young People for Development เป็นผู้นำการสนทนาและมีชาวพม่ามาร่วมในแต่ละกลุ่ม ผู้ร่วมสนทนา ที่มาจากประเทศเล็กมักจะมีความคิดเห็นในด้านลบเกี่ยวกับคำว่า "พัฒนา" และ "โลกาภิวัตน์" มองเห็นการเอารัดเอาเปรียบประเทศยากจนหรือประเทศเล็กโดยประเทศตะวันตก ความช่วยเหลือที่หยิบยื่นให้เพื่อช่วยพัฒนามักมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่

ผู้แทนชาวพม่าในกลุ่มที่ร่วมสนทนา บอกว่าตนเองเป็น Itinerary Displaced Person กล่าวคือไม่มีถิ่นที่อยู่แน่นอน อาศัยอยู่ตามชายแดนไทย-พม่า ไม่เป็น ที่พึงปรารถนาของรัฐบาลพม่าและรัฐบาลไทย จึงต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในป่าแถบชายแดน ชาวพม่าผู้นี้อ้างว่าทำงานให้องค์กรพัฒนาเอกชนของพม่า มีเชื้อสายกะเหรี่ยง เดินทางมาฝรั่งเศสเพื่อยื่นฟ้องบริษัท Total ที่ลงทุนในประเทศพม่า ดำเนินการสร้างท่อส่งน้ำมันโดยใช้แรงงานกดขี่ ชาวพม่าผู้นี้กล่าวว่าชีวิตของพวกตน ลำบากแสนเข็ญกว่าสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ เพราะรัฐบาลปัจจุบันของไทยเป็นนายทุนที่มีผลประโยชน์เอื้อกันกับรัฐบาลพม่า พวกตนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์การใดๆ เลย ไม่เหมือนเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหประชาชาติผ่านสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านผู้ลี้ภัยหรือ UNHCR

อีกทั้งยังกล่าวว่า ชาวพม่าในเมืองไทยต้องประสบเคราะห์กรรม ด้วยว่าชาวไทยมักจะจ้างให้ทำงานที่ขึ้นต้นด้วย 3D กล่าวคือ dangerous-อันตราย dirty-สกปรก และ disgusting-น่ารังเกียจ และย้ำนักย้ำหนา เรื่องความร้ายกาจของรัฐบาลปัจจุบัน แม้จะไม่เข้าใจนโยบายของรัฐนัก แต่จำต้องกล่าวแก้ในฐานะคนไทย อย่างน้อยชาวต่างชาติจะได้ไม่มองไทยในแง่ลบไปกว่านี้ ตามความเข้าใจนั้น ไทยมีค่ายผู้ลี้ภัยตามชายแดนพม่าหลายแห่ง แต่รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายรับชาวพม่าในฐานะผู้ลี้ภัยอีก เพราะพม่าไม่อยู่ในสถานการณ์สงครามประการหนึ่ง

อีกประการหนึ่งรัฐไม่สามารถโอบเอื้อชาวพม่าทุกคนได้ หากประเทศไทยร้ายจริง ชาวพม่าคงไม่สามารถเดินเพ่นพ่านเต็มเมืองอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และประการสำคัญ รัฐบาลไทยออกมาตรการเข้มงวดต่อชาวพม่าและชาวกะเหรี่ยง - ตามที่ชาวพม่าดังกล่าวกล่าวอ้าง - ก็เพราะเกิดกรณียึดโรงพยาบาลราชบุรี ตามด้วยการยึดสถานทูตพม่าในกรุงเทพฯ ส่วนรัฐบาลปัจจุบัน "ร้าย" กว่ารัฐบาลก่อนด้วยวิธีการอย่างใด มิอาจทราบได้ อีกทั้งนโยบายที่แท้จริงของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับชาวพม่าและชนกลุ่มน้อยของพม่าเป็นอย่างไร มีอะไรลึกซึ้ง ก็มิอาจทราบได้เช่นกัน และรัฐบาลนายทุน ของไทยไปทำความตกลงกับรัฐบาลพม่าอย่างไร ก็เกินกว่าจะทราบ

หลังการสนทนากลุ่มย่อย ได้มีการฉายสไลด์เกี่ยวกับประเทศไทยที่เจ้าหน้าที่ของ Young People for Development ได้เก็บภาพไว้ ประกอบการบรรยาย ที่ให้ภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศไทยมาก ให้ความรู้ที่ถูกต้อง น่าจะสร้างความประทับใจแก่ผู้ที่มาชุมนุมในวันนั้น

ระหว่างรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน เจ้าหน้าที่ ของ Young People for Development กล่าวว่า น่าเสียดายที่วันนี้ฟังความเพียงข้างเดียว หากมีเจ้าหน้าที่ รัฐบาลไทยมาร่วมด้วย จะดีมาก จึงตอบว่า ในอนาคต หากต้องการจัดอะไรเกี่ยวกับประเทศไทย ยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง และพร้อมที่จะประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำฝรั่งเศส หรือหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องให้

กลุ่มผู้จัดงานกำหนดจะให้มีการสนทนาปัญหาพม่าโดยเฉพาะ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันแน่นอน อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณ Young People for Development ที่ช่วยนำเสนอประเทศไทยให้ชาวฝรั่งเศสรู้จัก แม้จะใน หมู่คนกลุ่มเล็กๆ ก็ตาม น่าจะเป็นองค์การพัฒนาเอกชน ที่รัฐบาลไทยไม่ควรรังเกียจ

สงสัยอย่างเดียวว่า ทำไมชาวพม่ากลุ่มนี้จึงรู้สึก คับข้องใจกับรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันเหลือเกิน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.