ถ้าประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นศูนย์กลางการประชุม
และจัดแสดงสินค้าในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล
PICO ซึ่งถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดนี้ ก็จำเป็นต้องระดมเงินทุน เพื่อขยายฐานบุคลากร
และเทคโนโลยีให้ได้มาตรฐาน
ทัดเทียมกับบริษัทใหญ่ๆ ในระดับโลก
ตามความตั้งใจของพิเสฐ จึงแย้มปิ่น เขากะว่าจะให้บริษัทปิโก (ไทยแลนด์)
: PICO ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ เริ่มนำหุ้นออกมากระจายขายให้กับประชาชนทั่วไป
(Initial Public Offering : IPO) ในเดือนกุมภาพันธ์ ก่อน ที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก
ทรัพย์ใหม่ (MAI) ในขั้นตอนต่อไป
แต่กระบวนการนี้อาจล่าช้าไปจากความตั้งใจเดิมบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับงานเอกสาร
พิเสฐเป็นผู้ก่อตั้ง PICO ในประเทศ ไทยมาตั้งแต่ปี 2524 โดยการร่วมทุนกับกลุ่ม
PICO จากสิงคโปร์ ในสัดส่วน 51% ต่อ 49% เพื่อเข้ามาบุกเบิกธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า
และ event marketing ใน ประเทศไทย
เขาจบการศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าฯ
ลาดกระบัง ในปี 2520 หลังเรียนจบ เขาได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาเปิดบริษัทออกแบบตกแต่งภายใน
"ปี 2522 ซึ่งการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยยังไม่แพร่หลายมาก งานใหญ่ๆ
ก็จะมี Home Show ซึ่งจัดโดยบริษัท TEM หรืองาน Agro Tec หรือ Motor Show
ซึ่งผมชอบไปเดินดูงานพวกนี้ เพราะพื้นฐานจบทางสถาปัตย์ฯ ก็เป็นช่วงเดียวกับที่
PICO จากสิงคโปร์ เข้ามาหา partner เพราะต้องการจะขยายตลาดในประเทศไทย ก็เลยลองไป
คุย ปรากฏว่าเขาอาจเห็นเราเป็นคนหนุ่มไฟแรง คุยกันถูกคอ ก็เลยตกลงกัน และเริ่มป้อนงานให้"
เขาเล่ากับ "ผู้จัดการ"
งานแรกที่เขาได้รับ คือเป็นผู้จัดงาน Hungarian Expo ซึ่งจัดโดยสถานทูตฮังการีในประเทศไทย
ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซึ่งประสบความสำเร็จ และเริ่มมีงานป้อนเข้ามาเรื่อยๆ
"ช่วงแรก ทำกันมีพนักงานเพียง 2-3 คน"
ปี 2524 พิเสฐได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทปิโก (ไทยแลนด์) ขึ้น เพื่อเป็นเครือข่ายหนึ่งในกลุ่ม
PICO ซึ่งมีสาขาอยู่ใน 22 ประเทศ โดยเน้นในย่านเอเชียเป็นหลัก
ช่วง 5-6 ปีแรก งานที่ PICO ได้รับ ส่วนใหญ่เป็นการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ
และก็เริ่มขยายบทบาทเข้ามาสู่งาน Display การออกแบบเวที และการแสดง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น
จนในที่สุดก็มาถึงการเป็น organizer จัด event marketing "event marketing
นี่บูมมากในช่วง 5-6 ปีมานี้"
จะว่าไปแล้ว การขยายตัวของธุรกิจของ PICO จะคู่ขนาน ไปกับการขยายตัวของภาคธุรกิจ
และพัฒนาการของเทคโนโลยี ที่มีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
จากที่เคยทำแต่ธุรกิจรับจัดแสดงสินค้าในช่วงเริ่มต้น ปัจจุบัน PICO ได้นิยามบริษัทของตนเองใหม่
เป็น The Image Builders และมีธุรกิจที่สอดคล้องกันอย่างครบวงจร มีพนักงานรวมกว่า
200 คน
ด้านธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า PICO รับออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งคูหา ทั้งภายในและภายนอก
ส่วนธุรกิจ event marketing เริ่มรับตั้งแต่การออกแบบแนวความคิด และจัดทำกิจกรรมทางการตลาดในการส่งเสริม
การขายสินค้า การจัด Road show การเปิดตัวสินค้า และมหกรรมบันเทิง รวมทั้งกีฬาตามเทศกาลต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีงานพิพิธภัณฑ์ ซึ่ง PICO รับงานตั้งแต่การออกแบบแนวคิดตกแต่งภายใน
การจัดทำชิ้นงาน และสื่อการแสดง และพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดง
ที่สำคัญ PICO ยังมีงานในลักษณะ special event โดยการให้เช่าเต็นท์ขนาด
ใหญ่ สำหรับจัดแสดงสินค้า การออกแบบและจัดทำเคาน์เตอร์ขายสินค้า ณ จุดซื้อ
(Point of Perchase : POP) และงานออกแบบ จัดทำป้าย และกราฟิก
"เราเชื่อว่าในธุรกิจนี้ เราเป็นบริษัท ที่ทำครบวงจรที่สุด"
หากคนที่ยังมองภาพของธุรกิจของ PICO ไม่ออก ก็ลองนึกถึงงาน BOI Fair 2000
ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพคเมืองทองธานี เมื่อปี 2543 งาน SHIN
Fun Fair รวมถึงบูธแสดงรถยนต์ของวอลโว่ เชฟโรเลต ฟอร์ด และอีกหลายยี่ห้อในงาน
Bangkok International Motor Show และงาน Motor Expo ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
หรือใกล้ที่สุดคือ งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองทองธานี
เมื่อเกือบ 4 เดือนที่แล้ว เพราะทั้งหมดล้วนเป็นผลงานที่มี PICO อยู่เบื้องหลัง
ถึงแม้ PICO ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นราย ใหญ่ในธุรกิจนี้ แต่ก็ยังมีความต้องการระดมเงินทุน
เพื่อนำไปใช้ในการขยายกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านบุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ
เพราะแนวโน้ม ของตลาดเริ่มขยายตัวสูงขึ้น
"โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การประชุม
และจัดงานแสดงสินค้าในภูมิภาค ซึ่งจะทำให้มีบริษัทคู่แข่งจากต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจนี้ในประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก"
ความจำเป็นที่ต้องขยายตัว เพื่อพัฒนามาตรฐานงานของ PICO ให้ได้ในระดับมาตรฐานสากล
เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ๆ ในต่างประเทศ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
การเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 15 ล้านบาท เป็น 65 ล้านบาท เมื่อปลาย ปีที่แล้ว
ถือเป็นกระบวนการแรก ก่อนยื่นไฟล์ลิ่งเพื่อนำหุ้นออกมากระจายขายในตลาด
อีกไม่นานนี้ สินค้าตัวใหม่ในตลาด MAI จะต้องมีชื่อ PICO ปรากฏขึ้น