Reliance กับข้อหายักษ์ใหญ่ขี้โกง


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่สุดของอินเดีย กำลังเจอปัญหากับคู่แข่ง เพราะ "คอนเนกชั่น" กับรัฐบาลที่ดีเกินไป

แม้ Reliance กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่สุดของอินเดียด้วยยอดขาย 16,800 ล้านดอลลาร์เมื่อปีกลาย จะได้รับยกย่องว่าเป็นบริษัทที่สามารถทำโครงการขนาดยักษ์ระดับโลกได้เสร็จทันเวลา และบริหารโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ชื่อเสียงของ Reliance ไม่ค่อยหมดจดงดงามนัก จากการที่บริษัทมักมีอิทธิพลเหนือการกำหนดนโยบายของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของตนเอง

โดยล่าสุดบรรดาบริษัทโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นคู่แข่งของ Reliance Infocomm บริษัทโทรคมนาคมในเครือ Reliance ที่ขายโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ IndiaMobile ต่างพากันออกมาร้องโวยวายว่า Reliance กำลังเล่นขี้โกงละเมิดกฎ โดยให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เกินกว่าสิทธิที่ตัวเองได้รับจากรัฐบาล นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่า ใบอนุญาตใหม่ที่ให้สิทธิผู้รับอนุญาตสามารถให้บริการโทรคมนาคมได้ทุกประเภท ซึ่งรัฐบาลเพิ่งนำออกขายเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เป็นนโยบายที่คิดขึ้นมาเพื่อช่วย Reliance ให้รอดพ้นจากข้อหาข้างต้นโดยเฉพาะ

Mukesh Ambani ประธาน Reliance คนปัจจุบันวัย 46 ทายาทคนโตของ Dhirubhai Ambani ผู้ก่อตั้ง Reliance ในปี 1958 ซึ่งเพิ่งจะเสียชีวิตไปในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ปฏิเสธว่า Reliance ไม่เคยทำผิดกฎใดๆ และเขาไม่เคยเข้าไปมีอิทธิพลเหนือนโยบายของรัฐบาลแต่อย่างใด

ต้นเหตุของปัญหาความขัดแย้งระหว่าง Reliance กับคู่แข่งครั้งนี้ มาจากการสร้างเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับประเทศของ Reliance ที่สามารถสร้างได้ในราคาถูก โดยการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า wireless local-loop (WLL) มาใช้ โดยที่ WLL เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับสิทธิให้ใช้ได้เฉพาะในพื้นที่ระดับเมืองเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของ Reliance จะไม่สามารถโทรข้ามเมืองได้ หากเดินทางไปเมืองอื่น แต่ด้วยการที่ Reliance ใช้วิธีให้เบอร์โทรศัพท์หลายเบอร์แก่สมาชิกผู้ใช้บริการ บวกกับใช้เทคนิคส่งต่อการโทรกลับ (call-forwarding) ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้โทรศัพท์มือถือของ Reliance ได้ทั่วประเทศ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมสร้างความไม่พอใจให้แก่บริษัทโทรศัพท์มือถือทั้งหลายที่เป็นคู่แข่งของ Reliance เพราะพวกเขาต้องซื้อใบอนุญาตสำหรับสิทธิการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ทั่วประเทศ ซึ่งแพงกว่าที่ Reliance จ่ายไปในการซื้อสิทธิการใช้เทคโนโลยี WLL อย่างน้อย 4 เท่า

สำหรับเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับประเทศของ Reliance ที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายใยแก้วนำแสงขนาดยักษ์ของ Reliance ที่มีความยาวถึง 85,000 กิโลเมตร ครอบคลุม 750 เมืองทั่วอินเดีย และเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในบริษัท Reliance Infocomm ที่ Reliance ทุ่มทุนไปแล้วถึง 3 พันล้านดอลลาร์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายนี้สามารถจะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (broad band) และใช้รองรับได้ทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ทำให้ปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือ IndiaMobile ของ Reliance มีสมาชิกผู้ใช้บริการถึง 6 ล้านราย หลังจากเปิดตัวมาได้เพียง 11 เดือนเท่านั้นด้วยกลยุทธ์ตัดราคาคู่แข่ง ทั้งยังขึ้นนำเป็นเจ้าตลาดแทนที่เจ้าตลาดเดิมคือ บริษัท Bharti ที่มีลูกค้าเพียง 5 ล้านราย หลังจากเปิดบริการมาถึง 9 ปี

เดือนตุลาคมปีที่แล้ว รัฐบาลอินเดียโดย Arun Shourie รัฐมนตรีโทรคมนาคมยอมรับว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการด้านการประเมินทางเทคนิกพบว่า Reliance ละเมิดกฎใช้สิทธิเกินที่ได้รับอนุญาตจริง และจะต้องหยุดกระทำการดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันนั้นเอง รัฐบาลอินเดียกลับกำลังเตรียมการออกใบอนุญาตใหม่ ที่จะให้สิทธิผู้ได้รับอนุญาตสามารถให้บริการโทรคมนาคมทุกประเภทได้ และ Reliance ก็ได้ซื้อใบอนุญาตนี้มาในราคา 340 ล้านดอลลาร์ (ซึ่งเป็นราคาที่รวม "ค่าปรับ" ที่ Reliance ละเมิดสิทธิเอาไว้เรียบร้อยแล้ว)

โดยส่วนตัวแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียไม่ปฏิเสธว่า การออกใบอนุญาตใหม่ดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลอนุมัติด้วยเวลาอันรวดเร็วนั้น ไม่ได้คิดขึ้นเพื่อ Reliance ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องจาก Reliance ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตลาดโทร คมนาคมของอินเดียต้องสะดุดและล่าช้าออกไป (Reliance ช่วยขยายตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของอินเดียจากผู้ใช้เพียง 11 ล้านคน พุ่งขึ้นเป็นมากกว่า 25 ล้านคนภายในเวลาเพียงปีเดียว) Shourie เองได้กล่าวเป็นเชิงแก้ตัวให้แก่ Reliance ในพิธีไว้อาลัย Dhirubhai Ambani ผู้ก่อตั้ง Reliance ผู้วายชนม์ว่า บางครั้งการละเมิดกฎ (อย่างเช่นที่ Reliance ทำ) ก็ถือเป็นการก้าวข้ามข้อจำกัดที่พันธนาการอยู่ และช่วยฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ (ที่อาจจะไม่เหมาะสมแล้ว)

แต่ดูเหมือนคำแก้ตัวนี้จะฟังไม่ขึ้นสำหรับบรรดาบริษัทมือถือคู่แข่ง Reliance พวกเขาจึงได้พากันฟ้องร้องต่อศาลสูงสุดของอินเดียและเรียกร้องเงินค่าชดเชย

แปลและเรียบเรียงจาก
The Economist, December 20, 2003
โดย เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.