ยูโอบีฯพลิกขาดทุนเป็นกำไร86ล


ผู้จัดการรายวัน(21 มกราคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ธนาคารธนชาต โชว์ผลงานประจำปี 2546 กำไรสุทธิ 420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.07% เหตุจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นกว่า 150% ขณะที่ยูโอบี รัตนสิน พลิกสถานการณ์จากขาดทุนเป็นกำไรสุทธิกว่า 86 ล้านบาท หลังจาก ปริมาณสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น

นางสุวรรณภา สุวรรณ-ประทีป กรรมการผู้จัดการ ธนาคาร ธนชาต หรือ NBANK กล่าวถึงผล การดำเนินงานประจำปี 2546 ว่า ธนาคารกำไรสุทธิ 420 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.52 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 393 ล้าน บาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.48 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7.07% เนื่อง จากธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจำนวน 1,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.47% และ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 643 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151.05%

ด้านฐานะการดำเนินงานธนาคารมีสินทรัพย์รวม 58,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.66% หนี้สินรวม 49,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.45% และส่วนของผู้ถือหุ้น 8,766 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.09%

นางสุวรรณภา กล่าวว่าในปี 2546 ธนาคารมีรายการพิเศษเป็นค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจำนวน 231 ล้านบาท เนื่องจากฝ่ายจัดการของธนาคารได้พิจารณาเห็นว่าหุ้นกู้ด้อย สิทธิของธนาคารซึ่งจะครบกำหนดชำระปี 2551 อัตราดอกเบี้ย 9% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก จึงได้ทำการซื้อคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิบางส่วนคืนก่อนกำหนดรวม 2 ครั้ง จำนวน 606,450 และ 416,030 หน่วย คิดเป็นเงินจำนวน 758 และ 495 ล้าน บาท ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลงได้ปีละประมาณ 92 ล้านบาท ตลอดอายุที่เหลือของหุ้นกู้ด้อย สิทธิ พร้อมกันนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2546 ธนาคารยังได้ทำ การล้างขาดทุนสะสมทั้งจำนวน 1,290 ล้านบาท ด้วยการนำสำรองตามกฎหมาย ส่วนเกินทุนจากการไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสำคัญแสดง สิทธิ และส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ ทำให้ ณ 31 ธันวาคม 2546 ไม่มีรายการขาดทุนสะสมปรากฏอยู่ในงบการเงินของธนาคาร

ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ณ วันที่ 31 ธันวาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 1,929 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 1,490 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.46% และมีสัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.44 ณ สิ้นปี 2545 เป็นร้อยละ 5.83 ณ สิ้นปี 2546

งานของบริษัทจดทะเบียน

นางสิริสิน พงศธราธิก ผู้ช่วย กรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี และการเงิน ธนาคารยูโอบี รัตนสิน หรือ UOBR กล่าวว่า ปี 2546 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ 86.41 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท เทียบกับปีก่อนขาดทุนสุทธิ 193.76 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิเพิ่ม ขึ้น 144.60% โดยส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิหลัง หักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่ม ขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 637 ล้านบาท หรือ 53% เนื่อง จากปริมาณสินเชื่อเฉลี่ยของธนาคารฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 8,405 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารฯ ได้ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของ ปีก่อน 165 ล้านบาท ตามปริมาณสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอก เบี้ยลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 186 ล้านบาท หรือ 24% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของกำไรจากการปริวรรต และค่าธรรม เนียมรับจากธุรกิจบัตรเครดิต 132 ล้านบาท และ 56 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 171 ล้านบาท หรือ 11% ส่วน ใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการขยายตัวของสินเชื่อผู้บริโภค



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.